FTE เผยตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงแนวโน้มเติบโตดี คว้างานออกแบบติดตั้งมูลค่ารวม 160 ล้านบาท หนุน Backlog 400 ล้านบาท ลุ้นปิดดีลเพิ่ม มูลค่ารวม 120 ล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 20, 2018 11:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--เวิร์คลิ้งค์ ดาเอเจนซี่ FTE เผยตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงแนวโน้มเติบโตดี คว้างานออกแบบติดตั้งมูลค่ารวม 160 ล้านบาท หนุน Backlog 400 ล้านบาท ลุ้นปิดดีลเพิ่ม มูลค่ารวม 120 ล้านบาท ธุรกิจครึ่งปีหลังสดใส รับรู้งานขายและงานติดตั้ง ดันรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือ 1,080 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิ 10-13% ขณะที่งบ Q2/61 รายได้ 254.79 ล้านบาท กำไรสุทธิ 41.84 ล้านบาท นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (FTE) ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า ตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากปริมาณการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สถานีไฟฟ้าแรงสูง รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ห้องคอมพิวเตอร์ดาต้าเซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงงานอุตสาหกรรม โดยในช่วงไตรมาส 3 บริษัทสามารถประมูลงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงให้กับงานราชการงานโรงงานเอกชน มูลค่ารวมประมาณ 160 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่างาน Backlog ของบริษัทเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 130 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 270 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 60% นอกจากนี้ บริษัทได้ยื่นประมูลงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงสถานีไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ.ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลพิจารณาคัดเลือก จำนวน 6 แห่ง คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 120 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยทราบผลภายในปีนี้ "บริษัทมีศักยภาพในการออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงทุกประเภท ประกอบกับทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ จึงเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทที่จะเข้าเสนองาน และมีแนวโน้มที่จะได้รับงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนการรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ได้อานิสงส์จากการเร่งส่งมอบงานของโครงการคอนโดมีเนียมหลายแห่ง ขณะที่การจำหน่ายผลิตภัณฑ์คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากส่วนใหญ่บริษัทมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับกลุ่มผู้รับเหมาโครงการขนาดเล็กและโรงงานต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการสต็อกสินค้าก่อนช่วงเร่งปิดงบประมาณสิ้นปี ส่งผลให้บริษัทจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 10% หรือ 1,080ล้านบาท และสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 10-13%" นายทักษิณ กล่าว สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2561 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 254.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 216.06 ล้านบาท จำนวน38.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.93% และมีกำไรสุทธิ 41.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.23 ล้านบาท จำนวน 14.61 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 53.65% ส่วนผลประกอบการครึ่งแรกปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 478.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 452.68 ล้านบาท จำนวน 26.26ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.80% และมีกำไรสุทธิ 58.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 54.45 ล้านบาท จำนวน 4.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น7.36%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ