NDR ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังสดใส บุกตลาดในประเทศ เดินหน้าเจาะตลาดมาเลเซียเต็มสูบ มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้าแตะ 1,000 ลบ.

ข่าวยานยนต์ Thursday September 20, 2018 16:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--เอ็น.ดี.รับเบอร์ บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ หรือ NDR ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังสดใส พร้อมมั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 1,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย หลังเดินหน้าบุกตลาดในประเทศและตลาดมาเลเซีย คาดสัดส่วนรายได้ต่างประเทศปีนี้อยู่ที่ 50% พร้อมโชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 พลิกกำไรพุ่ง 116.25% จากไตรมาสก่อน กวาดรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 251.20 ล้านบาท นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทฯเดินหน้ารุกตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศได้มุ่งเน้นทำการตลาดมากยิ่งขึ้นและจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ขณะที่ตลาดในประเทศมาเลเซียก็กลับมาดีขึ้นตามแผนการบุกตลาดที่วางไว้ ทำให้มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตมาอยู่ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 830 ล้านบาท โดย 6 เดือนแรกบริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 457.32 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/2561 มีรายได้อยู่ที่ 251.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 201.20 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 21.87% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2561ที่มีรายได้ 206.12 ล้านบาท โดยสาเหตุที่รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการปรับแผนการรุกตลาดทั้งตลาดในประเทศ และตลาดในประเทศมาเลเซีย และจากรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงทำให้ผลดำเนินการของบริษัทในไตรมาส 2/61 กลับมามีกำไรสุทธิจำนวน 3.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116.25% จากไตรมาส 1/2561 ที่ขาดทุนสุทธิ 19.08 ล้านบาท "แม้ว่าผลการดำเนินรวมช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทจะยังมีผลขาดทุนอยู่เป็นจำนวน 15.98 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากค่าใช้จ่ายพิเศษในการเข้าซื้อกิจการในประเทศมาเลเซียในไตรมาส 1/2561 ที่ผ่านมา แต่ผลกำไรในไตรมาส 2/2561 ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าการเข้าซื้อกิจการที่ประเทศมาเลเซียเป็นการตัดสินใจที่จะทำให้บริษัทมีทั้งรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าผลประกอบการของบริษัทฯหลังจากนี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นายชัยสิทธิ์ กล่าว นายชัยสิทธิ์ กล่าวอีกว่า คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 16% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 11% หลังจากต้นทุนลดลง โดยปัจจุบันต้นทุนราคายางยังคงทรงตัวระดับต่ำประมาณ 45 - 50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตามการเคลื่อนไหวของราคายางในตลาดโลก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ