ไทยนิยม ยั่งยืน ต่อยอดธุรกิจสหกรณ์การเกษตรในจังหวัดเพชรบุรีให้เข้มแข็ง ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร

ข่าวทั่วไป Tuesday October 16, 2018 12:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--กรมส่งเสริมสหกรณ์ 3 สหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี สานต่อธุรกิจสหกรณ์หลังได้รับจัดสรรงบประมาณจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ช่วยเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการให้สหกรณ์และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตร ส่งผลต่อการพัฒนาอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรได้อย่างแท้จริง นายประกอบ เผ่าพงศ์ สหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า ภายหลังจากรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณกลางปี เพื่อดำเนินโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับงบประมาณ 1,768 ล้านบาท ดำเนินการใน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร หรือโครงการแก้มลิง เพื่อชะลอการเก็บผลผลิตข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ซึ่งเกษตรกรจะได้รับผลประโยชน์โดยตรง โครงการรวบรวมและแปรรูปยางพารา และโครงการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เพื่อสร้างอุปกรณ์แปรรูปและตรวจสอบคุณภาพผลผลิต ทั้งยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร ซึ่งสหกรณ์เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเองทั้งหมด สำนักงานสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรีได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้ดำเนินการใน 2 โครงการ คือ โครงการพัฒนาสถาบันเกษตรกรจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร เพื่อให้สถาบันเกษตรกรเป็นแหล่งจัดเก็บ รวบรวมผลผลิต เป็นการสร้างเสถียรภาพด้านราคาผลผลิตสินค้าเกษตรของเกษตรกร มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ คือ สหกรณ์ผู้ใช้น้ำหนองปรงสามัคคี จำกัด โดยได้รับเงินอุดหนุนจำนวน 864,000 บาท สหกรณ์ฯ สมทบอีก 96,000 บาท ในการสร้างลานตากขนาด 1,600 ตารางเมตร นอกจากนี้ ยังมีโครงการสนับสนุนอุปกรณ์แปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพื่อพัฒนาศักยภาพการแปรรูปสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพมาตรฐานสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ 2 แห่ง คือ สหกรณ์การเกษตรท่ายาง จำกัด ได้รับเงินอุดหนุนจำนวน 900,000 บาท สหกรณ์ฯ สบทบอีก 239,000 บาท ในการจัดหารถบรรทุกห้องเย็นขนาด 4 ล้อจำนวน 1 คัน โดยคาดว่าสหกรณ์จะสามารถรวบรวมผลผลิตได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 720 ตัน/ปี สมาชิกสหกรณ์ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น 50 ราย มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 115,000 บาท/คน/ปี ปริมาณธุรกิจสหกรณ์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 และสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด จำกัด ได้รับเงินอุดหนุนจำนวน 890,910 บาท สหกรณ์ฯ สบทบอีก 98,990 บาท เพื่อจัดหารถบรรทุกห้องเย็นขนาด 2,500 ซีซี จำนวน 1 คัน ใช้ในการบรรทุกกล้วยตกเกรด เช่น เปลือกสีไม่สวย มีจุดดำเล็กน้อยนำมาปอกเปลือกจัดส่งให้บริษัทเพื่อนำไปทำส่วนผสมของเบเกอรี่ ซึ่งจากเดิมสหกรณ์ต้องเช่ารถยนต์ในพื้นที่ โดยคาดว่าหลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการนี้แล้ว สหกรณ์จะสามารถรวบรวมผลผลิตได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 155 ตัน/ปีสมาชิกได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น 155 ราย และมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 13,000 บาท/คน/ปี ส่งผลให้ปริมาณธุรกิจสหกรณ์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 รวมทั้งสหกรณ์นำมาพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญที่จะช่วยให้สหกรณ์เป็นผู้รวบรวมสินค้าเพื่อส่งจำหน่ายห้างโมเดิร์นเทรด รวมทั้งโรงแรมต่าง ๆ ทั่วประเทศ ด้านนายศิริชัย จันทร์นาค ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์มีธุรกิจการให้สินเชื่อการลงทุน ด้านการเกษตรให้แก่สมาชิก ธุรกิจรวบรวม ธุรกิจการจัดหาสินค้ามาจำหน่าย และตลาดกลางที่ให้บริการแก่สมาชิก สำหรับกล้วยหอมทองของบ้านลาดในปัจจุบันนี้จะมีการรวบรวมจากสมาชิก ซึ่งสมาชิกจะต้องเข้าร่วมโครงการเพื่อควบคุมคุณภาพเพี่อส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่น และเกาหลี ประมาณ 20 ตันต่อเดือน รวมทั้งส่งจำหน่ายภายในประเทศได้ราว 10,000 ลูกต่อวัน ทั้งนี้ สหกรณ์ได้พัฒนาการแปรรูปกล้วยหอมทองเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อจำหน่ายให้กับผู้ที่ชื่นชอบกล้วยหอมทอง เช่น กล้วยกวน กล้วยเบรกแตก ส่วนกล้วยตกเกรดที่ไม่สามารถส่งออกไปต่างประเทศ สหกรณ์ได้แปรรูปเป็นกล้วยปลอกส่งต่อให้กับบริษัท ซีพีแรม จำกัด เพื่อลดการคัดทิ้งของกล้วยตกเกรด แต่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมระหว่างการขนส่ง โดยปัจจุบันสามารถส่งให้บริษัทซีพีแรมวันละ 1 – 2 ตัน ซึ่งรถบรรทุกห้องเย็นขนาด 2,500 ซีซีที่ได้รับการสนับสนุนถือเป็นการลดต้นทุนการขนส่ง จากเดิมที่มีการเช่ารถบรรทุกห้องเย็นเพื่อจัดส่งซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าให้สหกรณ์ และยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์อีกทางหนึ่งด้วย"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ