กรุงเทพฯ--7 พ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2561 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 1,669.09 จุด ลดลง 5% จากสิ้นเดือนก่อน และลดลง 4.8% จากสิ้นปี 2560 ซึ่งลดลงน้อยกว่าตลาดส่วนใหญ่ในเอเชีย สำหรับมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai ในเดือนตุลาคม 2561 อยู่ที่ 54,595 ล้านบาท ลดลง 15.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผู้ลงทุนสถาบันในประเทศและผู้ลงทุนบุคคลมีสถานะซื้อสุทธิในเดือนตุลาคม
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคม 2561 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวลดลงไปในทิศทางของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก จากความกังวลของผู้ลงทุนในเรื่องความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และนำไปสู่ความกังวลต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับสิ้นปี 2560 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดส่วนใหญ่ในเอเชีย ทั้งนี้ด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยที่ยังคงเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ประกอบกับผลประกอบการในไตรมาส 3/2561 ของกลุ่มธนาคารเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย
- ในเดือนตุลาคม 2561 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทย 64,317 ล้านบาท ซึ่งเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดอื่นในภูมิภาค
- ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2561 ปิดที่ 1,669.09 จุด ลดลง 5% จากสิ้นเดือนก่อน และปรับตัวลดลง 4.8% จากสิ้นปี 2560 โดยกลุ่มทรัพยากร และกลุ่มธุรกิจการเงินให้ผลตอบแทนมากกว่า SET index
- Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2561 อยู่ที่ระดับ 15.43 เท่า ขณะที่ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.51 เท่าซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.19 เท่า และ 13.99 เท่า ตามลำดับ
- อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2561 อยู่ที่ระดับ 3.16% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียที่อยู่ที่ 3.08%
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2561 อยู่ที่ 17.3 ล้านล้านบาท ลดลง 3.4% จากสิ้นปี 2560 ตามทิศทางดัชนี
- มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai ในเดือนตุลาคม 2561 อยู่ที่ระดับ 54,595 ล้านบาท ลดลง 15.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
- ในเดือนตุลาคม 2561 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 379,863 สัญญา ซึ่งลดลง 24.3% จากเดือนก่อน มาจากการซื้อขาย Single Stock Futures ที่ลดลงเป็นหลัก