TRC โชว์กำไรไตรมาสสาม 43 ล้านบาท เติบโต 98% เตรียมเข้าประมูลงานใหญ่กว่าหมื่นล้านบาท พร้อมเดินแผนธุรกิจ 3 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่

ข่าวอสังหา Wednesday November 14, 2018 15:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2561 มีกำไรสุทธิ 43.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98.21% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สำหรับไตรมาส 4 เตรียมเข้าประมูลงานกว่า 10,000 ล้านบาท เผยงานในมือที่รอรับรู้รายได้อีก 21 โครงการ มูลค่างานกว่า 5,614 ล้านบาท ชู Vision ใหม่ "A pioneer Organization who delivers innovative project solution in the region" (CLMVT) และแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปี (2562-2564) รุกธุรกิจประเภทบริการโซลูชั่นที่มีนวัตกรรมรองรับงานที่มีความหลากหลายมากขึ้น นายภาสิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการงานรับเหมาก่อสร้าง และออกแบบทางวิศวกรรมงานวางระบบท่อ และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งธุรกิจพัฒนาโครงการและการลงทุนด้านพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ โรงไฟฟ้า และปิโตรเคมี เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4 บริษัทฯ และบจก. สหการวิศวกร เตรียมตัวจะเข้าประมูลงานใหม่รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วย โครงการนำสายไฟลงใต้ดิน 3 โครงการ มูลค่างานรวมกว่า 5,500 ล้านบาท โครงการโรงงานผลิตยารังสิต ระยะที่สอง มูลค่างาน 5,000 ล้านบาท โครงการก่อสร้างอาคาร มูลค่างาน 800 ล้านบาท และงานโครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติขนาดเล็ก 3 โครงการ มูลค่างานรวม 45 ล้านบาท ณ ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ มีงานที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างที่ยังไม่ได้รับรู้รายได้รวม 5,614 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานของบริษัทฯ 1,722ล้านบาท และงานของบริษัท สหการวิศวกร จำกัด 3,892 ล้านบาท ทั้งนี้ในไตรมาส 3/2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการก่อสร้าง 644.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192.03 ล้านบาท หรือ 42.47% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 452.11 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 43.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.37 ล้านบาท หรือ 98.21% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 21.76 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากโครงการระยะยาวยกมาจากปีก่อนของบริษัทฯ ได้แก่ โครงการ 1st Transmission Pipeline Life Extension Project 28" Recoating Section และโครงการBV4.19 PIG Launcher and Receiver Installation จาก บมจ. ปตท. และโครงการของบจก.สหการวิศวกร ได้แก่ โครงการปรับปรุงถนนประชาร่วมใจ - ถนนมิตรไมตรี จากกรุงเทพมหานครและหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐ เช่น การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง เป็นต้น "ผลประกอบการไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 43.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 100% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สามารถพลิกกลับมามีกำไรหลังจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีผลขาดทุน 45.54 ล้านบาท ทั้งนี้ช่วงปี 2560-2561 ถือได้เป็นปีทองของบริษัทย่อย คือ บจก.สหการวิศวกร ที่นอกจากจะสามารถส่งมอบงานขนาดใหญ่ 2 โครงการในปีนี้ คือ โครงการถนนศรีนครินทร์ร่มเกล้ามูลค่างาน 1,088 ล้านบาท และโครงการติดตั้งเครื่องจักรการผลิตบุหรี่ โรงงานยาสูบ มูลค่างาน 834 ล้านบาทแล้ว สหการวิศวกรยังสามารถประมูลได้งานโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแยก ณ ระนอง มูลค่างาน 1,257 ล้านบาท โครงการถนนคลองสามวา มูลค่างาน 172 ล้านบาท และล่าสุดคือโครงการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่น มูลค่า 600 ล้านบาท จากบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR ส่งผลให้สหการวิศวกรมี Backlog หรืองานในมือสูงถึง 3,892 ล้านบาท นอกจากนั้นแล้ว สหการวิศวกรยังอยู่ในระหว่างการรอผลการประมูลงานถนน มูลค่ากว่า560 ล้านบาท จากงานในมือของทั้งกลุ่มบริษัทฯ ที่ 5,614 ล้านบาท บริษัทฯ คาดว่าในปี 2561 นี้บริษัทฯ และบริษัทย่อยจะมีระดับรายได้ค่าบริการก่อสร้างใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ที่ 2,370 ล้านบาท " นายภาสิต กล่าว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRC กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีการทบทวนวิสัยทัศน์และแผนกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทยในโมเดล ไทยแลนด์ 4.0 ภายใต้ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยคณะกรรมการได้อนุมัติวิสัยทัศน์ใหม่ (Vison) คือ "A pioneer Organization who delivers innovative project solution in the region" (CLMVT)กำหนดเป้าหมายระยะ 3 ปี (ปี 2562-2564) คือ รายได้ค่าบริการก่อสร้างของบริษัทฯ และบริษัทย่อยติดหนึ่งในสิบ และอัตรากำไรสุทธิติดหนึ่งในห้าของบริษัทจดทะเบียนในหมวดรับเหมาก่อสร้าง เพื่อการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว กลุ่มบริษัทฯ มีกลยุทธ์ที่จะรุกธุรกิจประเภทบริการโซลูชั่นที่มีนวัตกรรมเพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี จากเดิมที่เน้นการรับเหมาก่อสร้างในอุตสาหกรรม Oil & Gas เพียงอย่างเดียว อาทิเช่น ธุรกิจด้านนวัตกรรมการจัดการคลังสินค้าอัจฉริยะ หรือ คลังสินค้าที่มีระบบจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าแบบอัตโนมัติ (Automated Storage Retrieval System (AS/RS)) ธุรกิจด้านการประหยัดพลังงานให้กับโรงงานอุตสาหกรรม (Energy Saving) เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ