“AECS ” ให้กรอบลงทุน 1,587-1,640 จุด ชี้ ปัจจัยลบจากทั้งในและต่างประเทศ ยังกดตลาด แนะลงทุน SSP-BPP-GUNKUL-CENTEL-TPIPP-HANA-KTC-MTC-SAWAD-BJC, BGRIM-MEGA

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 27, 2018 15:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บล.เออีซี ประเมินหุ้นไทย วิ่งตามกรอบ แนวรับที่ 1,587 จุด และ แนวต้านที่ 1,640 จุด แนะเลือกหุ้นเข้าพอร์ตการลงทุน ชูหุ้นหุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือกและกลุ่มโรงแรมซึ่งโครงสร้างธุรกิจมีกระแสเงินสดแข็งแรง ได้แก่ SSP, BPP, GUNKUL, CENTEL , หุ้นกลุ่มหนี้สินต่อทุนต่ำคาดได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยน้อย คือ TPIPP, HANA , หุ้นบริษัทที่ Fixed Coupon Rate และมีสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวสูง อาทิ KTC, MTC, SAWAD และหุ้นกลุ่มที่ราคาหุ้นปรับลงแรง แต่มีโอกาสฟื้นตัวเร็วจากกำไรปี 62 ที่แข็งแกร่ง เช่น BJC, BGRIM , MEGA บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ยังคงแกว่งตัวในกรอบ 1,587-1,640 จุด ยังคง มีปัจจัยกดดันจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังขายต่อเนื่อง ซึ่งมีหลายปัจจัยจากต่างประเทศต้องติดตาม ในเรื่องของการประชุมระหว่างสหรัฐฯ – จีน ระหว่างงาน G20, ถ้อยแถลงของประธานเฟด และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง บวกกับความกังวลในการขึ้นดอกเบี้ยของธปท.ซึ่งมีผลต่อต้นทุนธุรกิจที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงที่ตลาดยังมีปัจจัยลบจากทั้งในและต่างประเทศ เราแนะนำหุ้น 4 กลุ่มที่น่าลงทุน ได้แก่หุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือก และกลุ่มโรงแรม ซึ่งโครงสร้างธุรกิจมีกระแสเงินสดแข็งแรง ได้แก่ SSP (S7.5,R7.9), BPP (S23.4,R24), GUNKUL(S3.00,R3.18), CENTEL (S39.5,R42) นอกจากนี้ ยังแนะลงทุน หุ้นกลุ่มหนี้สินต่อทุนต่ำ คาดได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยน้อย คือ TPIPP(S5.95,R6.30), HANA(S33,R35) อีกทั้งบริษัทที่ Fixed Coupon Rate และมีสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวสูง ได้แก่ KTC(S33,R35), MTC(S46.5,R51), SAWAD(S43.25,R48) และแนะลงทุนหุ้นกลุ่มที่ราคาหุ้นปรับลงแรง แต่มีโอกาสฟื้นตัวเร็วจากกำไรปี 62 ที่แข็งแกร่ง BJC(S50,R53), BGRIM (S25,R26.5), MEGA(S30,R32.5) พร้อมกันนี้ การประชุมระหว่างสหรัฐฯ - จีนระหว่างงาน G20 ที่จะมีขึ้นวันที่ 30-1 ธ.ค. ซึ่งแม้ตลาดคาดจะเห็นความคืบหน้าของกรอบการแก้ปัญหาทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งสัญญาในการหยุดหรือชะลอแผนขึ้นภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ของสหรัฐฯ แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับไม่มีความคืบหน้ามากขึ้น ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มกังวลต่อผลลัพธ์ของการประชุมดังกล่าว นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับลงแรงอีกครั้ง หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุฯ เปิดเผยถึงกำลังการผลิตน้ำมันดิบเดือน พ.ย. มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ และรัสเซียยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สร้างความกังวลต่อภาวะอุปทาน ที่จะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าความต้องการใช้พลังงานโลก ทั้งนี้เราคาดราคาน้ำมันจะกลับมาพักตัวในกรอบ เพื่อรอความชัดเจนของแผนลดกำลังการผลิตในการประชุมกลุ่ม OPEC วันที่ 6 ธ.ค. นี้ ซึ่งล่าสุดตลาดคาดทางกลุ่มจะมีโอกาสที่จะปรับลดกำลังการผลิตมากถึง 1.4 ล้าน bps คิดเป็นการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกราว 70% จากข้อตกลงเดิม อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตามองอีกเรื่องคือ ความไม่แน่นอนของ BREXIT ที่แม้ล่าสุดร่างกฏหมาย BREXIT จะได้รับการรับรองจากผู้นำของกลุ่ม EU แล้ว ในช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่คาด นางเทเรซ่า เมย์ จะต้องเผชิญความท้าทายในการผลักดันร่างกฏหมายดังกล่าวให้ผ่านสภาฯ ภายในช่วงปลายปี เพื่อให้อังกฤษสามารถออกจากกลุ่ม EU แบบ Soft BREXIT
แท็ก หุ้นไทย   KTC   JC  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ