Guess Who’s Coming to Dinner

ข่าวทั่วไป Friday April 8, 2005 12:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--วอเนอร์ บราเธอร์ส
มีอะไรในเมนู?
การจับคู่กันอย่างเร้าใจของเบอร์นี แม็ค ที่สามารถยิงมุขเฉียบๆ ให้กับแอชตัน คุทเชอร์ซึ่งมีความเป็นคอมเมดี้อยู่ในตัวโดยไม่ต้องฝืน ทำให้ผู้กำกับฯ เควิน ร็อดนีย์ ซุลลิแวน กระตือรือร้นที่จะกำกับฯ เรื่องราวสุดสมัยใหม่ของพ่อที่รักและปกป้องลูกจนเกินไป ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับการมาเยือนของว่าที่ลูกเขยที่ไม่ได้คาดเอาไว้
แม็คซึ่งเป็นแฟนหนังคลาสสิคมายาวนาน ยึดแนวไอเดียจากมุขตลกหลากหลายในหนังที่เป็นหนึ่งในเรื่องโปรดของเขา Guess Who’s Coming to Dinner แม็คเสนอมันให้กับเจนโน ท็อปปิง ผู้อำนวยการสร้างคนหนึ่งของเรื่อง Charlie’s Angels?: Full Throttle ซึ่งแม็คร่วมแสดงกับ คาเมรอน ดิแอซ, ดรู แบรี่มัวร์ และลูซี่ หลิว ทั้งคู่ร่วมกันทำให้โปรเจ็คนี้เป็นรูปเป็นร่าง ด้วยการกลับข้างการเหยียดผิวเพื่อหักมุมแบบสมัยใหม่ และผสานเข้ากับแนวของความซื่อตรงต่อครอบครัวและความผูกพันอันโรแมนติค
ท็อปปิงกล่าวว่า: “ผมคิดว่าเบอร์นีมีสัญชาติญาณว่าใครควรจะเป็นตัวละครของเพอร์ซี โจนส์ เขาเต็มใจมากที่จะแสดงความจริงใจอย่างแรง และเป็นที่รู้กันว่าจะยอมเสี่ยงเพื่อการแสดงคอมเมดี้ เต็มใจที่จะพูดในสิ่งที่ไม่มีใครเต็มใจพูด ผมว่านั่นเป็นส่วนที่ดึงดูดเขาของหนังเรื่องนี้ และทำให้เขายอดเยี่ยมที่สุดสำหรับบทของเขา”
สำหรับแม็ค Guess Who เป็นโอกาสที่จะแสดงความระลึกถึงภาพยนตร์หลายๆ เรื่องที่เขารักและบรรดานักแสดงที่เขานับถือ “ผมโตมาด้วยการดูหนังเก่าๆ ที่สุดยอด และพวกนักแสดงที่เป็นแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้ผมแสดง ความสมจริงของหนังอย่าง Guess Who’s Coming to Dinner ทำให้ผมสนใจมัน สเปนเซอร์ เทรซี และซิดนีย์ โพอิเทียร์ เต็มไปด้วยพลังและลื่นไหลกับตัวละครที่พวกเขาเป็น แคธรีน เฮบเบิร์นก็เต็มไปด้วยพลังโดยไม่ต้องพูดสักคำ”
Guess Who ผสมผสานธีมของฮอลลีวู้ดที่เป็นเรื่องที่เคยใช้ได้ผลมาแล้ว อย่างเช่นที่พ่อที่ผิดหวังเมื่อสำนึกได้ว่าลูกสาวตัวน้อยได้เติบโตขึ้น และเขากำลังจะต้องเสียเธอไปให้กับชายอีกคนหนึ่ง
“สิ่งหนึ่งทำให้ผมสนใจอย่างมาก” ท็อปปิงกล่าวเสริม “คือกลุ่มคนที่แตกต่างกันซึ่งเป็นรากฐานของครอบครัวของทุกวันนี้ เรื่องนี้พาเราไปพบกับธีมนั้นในแบบที่สร้างสรรค์และแปลกใหม่”
ให้บังเอิญที่คุทเชอร์และเจสัน โกลด์เบิร์ก หุ้นส่วนอำนวยการสร้างที่ Katalyst Films มีความสนใจที่จะทำหนังแบบเดียวกัน พวกเขาคิดว่าข้อมูลนี้น่าสนใจและถ้าวัตถุดิบได้รับการดูแลอย่างดีก็จะกลายเป็นหนังคอมเมดี้สมัยใหม่ที่ดีได้ โกลด์เบิร์กกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่เชื่ออย่างหนักแน่นว่าคอมเมดี้ที่ดีควรมาจากเรื่องจริง และไม่จำเป็นต้องดีเยี่ยม เนื้อหาจากเรื่อง Guess Who มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นคอมเมดี้ที่ดี และนั่นคือสิ่งที่แอชตันและผมสนใจตั้งแต่แรกเริ่ม”
ต้นกำเนิดของความสนใจของคุทเชอร์ที่มีกับเรื่องนี้ เริ่มต้นจากมิตรภาพของเขากับ ฌอน “พี ดิ้ดดี้” คอมส์ นักจัดรายการฮิพฮ็อพ ซึ่งสร้างความสนใจอย่างกว้างขวางในกลุ่มสื่อ คุทเชอร์บอกว่า “ที่น่าสนใจจริงๆ ในความเป็นเพื่อนของผมกับฌอนก็คือที่คนจะมองเราเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน ยังกับว่ามันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น เหมือนว่าเราเป็นคู่ที่แปลกพิกล ผมคิดว่านั่นเป็นตอนที่การกระตุ้นให้ทำตามไอเดียมีผลอย่างมาก ผมพูดเลยว่า ‘เรา ต้อง ทำเรื่องนี้’”
โดยที่คุทเชอร์และโกลด์เบิร์กไม่รู้ แม็คเตรียมโปรเจ็คการสร้างของเขาเรียบร้อยแล้ว “เราไม่รู้เลยว่ามีสคริปท์อยู่แล้วตอนที่เราพบกับเจนโน” โกลด์เบิร์กพูด “แต่มันกลับกลายเป็นการร่วมงานที่ยิ่งใหญ่ เรารวมพลังกันอย่างจริงจังและทำให้มันกลายเป็นหุ้นส่วนที่น่าทึ่ง การจับคู่กันของนักแสดงตลกสองคนที่มีสไตล์ซึ่งต่างกันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ การที่เราได้ตัวสองหนุ่มซึ่งเข้ากันได้แบบนั้นเป็นเรื่องที่หายากมาก เราเคยเห็นในหนังอย่าง 48 Hours (นิค โนลเต้ กับเอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์) และ Rush Hour (คริส ทักเกอร์ กับแจ็กกี้ ชาน) แต่นั่นไม่ได้เป็นอะไรที่เกิดขึ้นบ่อยๆ”
ทีมผู้สร้างตระหนักถึงความเป็นไปได้อย่างมากของการจับคู่กันของแม็ค-คุทเชอร์ ตั้งแต่เริ่มแรกที่นักแสดงสองคนทำงานร่วมกัน ตอนที่คุทเชอร์ไปออกรายการซีรีส์โทรทัศน์ยอดฮิตของแม็ค “The Bernie Mac Show” ผลที่ออกมาอึกทึกครึกโครมมาก “ผมไปเป็นแขกในรายการโชว์ของเบอร์นี และกลายเป็นว่าเราโยนมุขให้กันไปมาทั้งรายการ” คุทเชอร์เล่า “มันมีสคริปท์อยู่ แต่เราก็บ้ากันไปเรื่อย ไม่ต้องฝืนอะไรและมันก็สนุกมาก ผมรู้อย่างเร็วเลยว่าเราเหมาะที่จะทำงานเข้าขากัน”
แม็คเห็นด้วย และเสริมพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย “เราสนุกกันมาก การบันทึกเทปเป็นไปด้วยดี และผมว่าคนดูเราเพราะว่าเห็นชื่อของแอชตันโผล่ขึ้นมาและผมก็เคยได้ยินมาว่าเขาอยากทำอะไรแบบเดียวกับที่ผมวางแผนไว้ ช่างบังเอิญเสียจริงๆ?”
“หนึ่งในความท้าทายหลายอย่างในการเล่าเรื่องนี้” ท็อปปิงเล่า “ก็คือการหาสมดุลย์ เพราะว่าความตลกจำนวนมากนั้นขึ้นอยู่กับการที่ทุกอย่างถูกบรรจุไว้ในตัวละครของไซมอน กรีน และเราก็ไม่อยากให้เขาออกมาดูเหมือนเป็นคนปวกเปียก แต่แอชตันมีบุคลิกที่ดีมาก และมีพรสวรรค์ในการแสดงท่าทางตลก เขาทำให้เรารักเขาได้แม้ในขณะที่กำลังโดนเหยียบย่ำ เขาเป็นเพียงแค่ชายคนหนึ่งที่อยากได้รับความนับถือจากว่าที่พ่อตา — เป็นอะไรที่ชายหนุ่มคนอื่นๆ สื่อถึงได้ องค์ประกอบเรื่องเหยียดผิวเป็นแค่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนนอกของครอบครัวนี้มากยิ่งขึ้น และทำให้เราเอาใจช่วยเขาให้เป็นที่ยอมรับ”
ผู้กำกับฯ เควิน ร็อดนีย์ ซุลลิแวน เห็นด้วยกับทีมผู้สร้างในความเป็นไปได้ของการร่วมทีมกันระหว่างแม็คและคุทเชอร์ เขาคิดว่าสคริปท์น่าจะลงลึกในรายละเอียด และนำเสนอเนื้อหาที่แท้จริงกับเรื่องคอมเมดี้ สิ่งนั้นกลายเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะแม็ค “สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดเกี่ยวกับเบอร์นีก็คือเขาเป็นคนที่สนใจเรื่องความแตกต่างเล็กน้อยอย่างมาก” ซุลลิแวนบอก “ความสามารถทางการแสดงของเขาไม่มีข้อจำกัด เพราะเขาสนใจขั้นตอนอย่างจริงจัง เขายังมีคุณสมบัติของคนทุกคนอย่างมาก เรารู้สึกเหมือนว่ารู้จักเขา อารมณ์ขันของเขาคือของเรา เวลาเขาเจ็บ เราเจ็บด้วย”
ซุลลิแวนมีคำชมที่ใกล้เคียงกันให้กับคุทเชอร์ ผู้ซึ่งทำให้เขาประทับใจในตอนพบกันครั้งแรก “แอชตันมีอารมณ์ลึกล้ำ — เขาช่างคิด ซับซ้อนและตลก และตอนที่ผมพบเขาเป็นครั้งแรก ผมคิดว่า ‘ใช่แล้ว เราต้องใส่มันลงไปในหนัง’ เขามีบางอย่างในตัวที่เปล่งประกายความน่าขันและนั่นคือที่เราต้องการ แต่พอเราเปิดประตูเข้าไป ว้าว! ยังมีมากกว่านั้นอีก และผมไม่คิดว่าผู้ชมจะรู้เกี่ยวกับตัวเขาจริงๆ เท่าไหร่นัก”--จบ--

แท็ก เควิน   WHO  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ