“AECS ” ให้กรอบดัชนี 1,622-1,707 จุด ชี้ เลือกตั้ง ส่อแววตลาดหุ้นคึก ระบุ แรงกดดันจากต่างประเทศยังระอุ แนะนลท.ควรระวังการลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 12, 2018 10:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ธ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บล.เออีซี ประเมินหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ แนวรับที่ 1,622 จุด และ แนวต้านที่ 1,707 จุด มอง ตลาดหุ้นไทย มีแรงหนุนจากการจัดการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ ในเดือน ก.พ.62 แนะ กลุ่ม Out of Home Media , กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง พร้อมระบุ นักลงทุน ยังคงต้องจับตา ปัจจัยต่างประเทศ ที่ยังคงเป็นแรงกดดันสร้างวิกฤตการลงทุนในตลาดโลก บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,622-1,707 จุด โดยมีแรงหนุนหลักจากการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ในเดือน ก.พ.62 บวกกับข้อมูลผลตอบแทนจาก SET Index ของเดือน ธ.ค. ในช่วง 10 ปีย้อนหลังพบว่า 7 ใน 10 ปี SET Index มีการปรับตัวขึ้นราว 5% ซึ่งเราคาดว่า นักลงทุนสถาบันจะซื้อสุทธิ ด้วยเม็ดเงินลงทุนจาก LTF เป็นหลัก นอกจากนี้ ยังคงให้ติดตามกรณีการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจากตัวเลข เศรษฐกิจที่ทางการประกาศออกมา สะท้อนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งในส่วนของดัชนีผู้ผลิต และดัชนีผู้บริโภคเดือน พ.ย. ที่ชะลอตัว รวมทั้งตัวเลขส่งออกที่เพิ่มขึ้นช้ากว่าที่ตลาดคาด อีกทั้ง เรื่องความตึงเครียด ระหว่างสหรัฐฯ และจีน จากกรณีการจับกุม เหมิง หวันโจว (Meng Wanzhou) รองประธาน (CFO) ลูกสาวประธานบริษัท Huawei ซึ่งอาจจะส่งผลต่อไปถึงการเจรจา ด้านการค้า ให้เป็นไปอย่างยากมากขึ้น เนื่องจาก Huawei ถือเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และมีส่วนสำคัญต่อนโยบาย Made in china 2020 ที่เป็นนโยบายพพัฒนาประเทศที่สำคัญของจีน ขณะเดียวกันความไม่แน่นอนของ BREXIT ซึ่งนางเทเรซ่า เมย์ ประกาศเตรียมเปิดลงคะแนนเสียงเพื่อยอมรับร่าง BREXIT ในช่วงที่การเมืองภายในไม่นิ่ง โดยหากร่าง BREXIT ดังกล่าวไม่ได้รับการรับรองจากสภาฯ จะทำให้อังกฤษอาจจะต้องออกจากกลุ่ม EU แบบไร้ข้อตกลง (Hard BREXIT) ที่จะสร้างความเสียหายให้กับทั้ง เศรษฐกิจอังกฤษ และ EU จากปัจจัยดังกล่าวในข้างต้น ทางฝ่ายวิเคราะห์ จึงแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวัง โดยเฉพาะการลงทุนหุ้นที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างประเทศ ดังนั้น เรามองว่า เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SET Index จึงแนะนำหุ้น Overweight ในหุ้นDomestic Play3 กลุ่มหลักในการลงทุนในปลายปีนี้ และต้นปีหน้า ที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการต่างๆจากภาครัฐ บวกกับคาดผลการดำเนินงานเติบโต ในปีนี้ ได้แก่ 1. กลุ่มOut of Home Media ได้แก่ PLANB, VGI และ MACO 2. กลุ่มค้าปลีก ได้แก่ ROBINS, CPN และ COL 3. กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ CK, STEC, UNIQ และ SEAFCO

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ