ปตท.สผ. ชนะประมูลแหล่งบงกชและเอราวัณ พร้อมลงทุนเพื่อสร้างความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซให้กับประเทศ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 13, 2018 16:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--ปตท.สผ. ปตท.สผ. ยืนยันความพร้อมหลังได้รับสิทธิในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณที่กำลังจะหมดอายุสัมปทานในปี 2565-2566 เตรียมเดินหน้ารักษาความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงพลังงานได้ประกาศผลผู้ชนะการประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกชและเอราวัณ โดย ปตท.สผ. ชนะการประมูลและได้รับสิทธิในการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติทั้งสองแหล่งนั้น ปตท.สผ. ยืนยันว่าจะสามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศได้ตามที่ยื่นข้อเสนอในการประมูล "การที่บริษัทชนะการประมูลทั้งแหล่งบงกชและเอราวัณนั้น ด้วยประสบการณ์และความชำนาญกว่า 20 ปีของ ปตท.สผ. ที่เป็นผู้ดำเนินงานในแหล่งบงกช และเป็นผู้ร่วมทุนในโครงการคอนแทร็ค 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของแหล่งเอราวัณนั้น ทำให้เรามีความเข้าใจพื้นฐานทางเทคนิคของทั้งสองแหล่งเป็นอย่างดี เราจึงมั่นใจว่าแผนการพัฒนาและการลงทุนที่เราเสนอไป จะสามารถสร้างความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดช่วงการเปลี่ยนผ่านจากสัมปทานปิโตรเลียมปัจจุบันไปยังสัญญาแบ่งปันผลผลิต รวมถึงรักษาระดับการผลิตตามที่กำหนดไว้ในเอกสารเชิญชวนให้ยื่นข้อเสนอของแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณที่ไม่ต่ำกว่า 700 และ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตามลำดับ สำหรับแหล่งบงกชซึ่ง ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว เราสามารถที่จะลงทุนเพื่อรักษาระดับการผลิตได้ทันที ส่วนแหล่งเอราวัณนั้น เรามีแผนการดำเนินงานและการลงทุนที่ชัดเจนในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเรามั่นใจว่าจะได้รับความร่วมมือจากผู้ดำเนินการปัจจุบัน ประกอบกับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากภาครัฐและกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ โดยเราจะเริ่มดำเนินงานทันทีเมื่อมีการลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต" นายพงศธร กล่าว แหล่งก๊าซฯ บงกชและเอราวัณ เป็นแหล่งที่มีการผลิตมาเป็นระยะเวลานานและมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เราจึงสามารถประเมินปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์ทราบแล้วได้อย่างมั่นใจ สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงในด้านต่างๆ ได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับในอดีตที่ยังนับว่ามีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีพื้นที่ที่ต้องทำการสำรวจเป็นจำนวนมาก ไม่มีข้อมูลการผลิตมากพอ และยังต้องมีการลงทุนในการสร้างแท่นผลิตหลักที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานมาโดยตลอด ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การได้รับสิทธิให้เป็นผู้ดำเนินการทั้งในแหล่งบงกชและเอราวัณ จะยิ่งช่วยให้ ปตท.สผ. สามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตให้ลดต่ำลงได้มากขึ้นอีก จากการเพิ่มอำนาจต่อรองจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น จาก 2 แหล่งรวมกัน เช่น ในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้าง การขนส่ง เป็นต้น ด้วยหลายปัจจัยที่ได้กล่าวมา ทำให้เราสามารถยื่นข้อเสนอและผลตอบแทนที่เป็นประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศได้ในการประมูลครั้งนี้ โดยข้อเสนอดังกล่าวยังคงสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทได้ในระดับที่คุ้มค่ากับการลงทุนเช่นกัน ปตท.สผ. มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ดำเนินงานหลักสำหรับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย รวมถึงการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศเพื่อนำไปสู่การที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์สูงสุด ในการประมูลครั้งนี้ ปตท.สผ. ได้ยื่นประมูลเองด้วยสัดส่วนการลงทุน 100% ในแหล่งบงกช ในขณะที่แหล่งเอราวัณนั้น ปตท.สผ. ประมูลร่วมกับบริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) จำกัด ในสัดส่วนการลงทุน 60% และ 40% ตามลำดับ ทั้งนี้ แหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำคัญของประเทศไทย มีปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติรวมกันคิดเป็นร้อยละ 60 ของปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติของประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ