ผลกระทบการเปลี่ยนเอกสารสิทธิ สปก เป็น โฉนดทองคำและแนวทางการปฏิรูปที่ดิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 14, 2019 13:32 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต คัดค้านการเปลี่ยน "เอกสารสิทธิที่ดิน สปก" เป็น "โฉนดทองคำหรือสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ นโยบายดังกล่าวเพิ่มปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากรที่ดินรุนแรงยิ่งขึ้น ผิดหลักการของการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร และ สร้างปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจและการเมืองในระยะยาวทั้งมิติความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจ มิติทางด้านเสถียรภาพและความสมดุล พร้อมเสนอแนะแนวทางในการปฏิรูปที่ดิน ต้องรักษาหลักการและเจตนารมณ์ของกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ย้ำ สปก เป็นดอกผลของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 และแลกมาด้วยการต่อสู้เรียกร้องขององค์กรภาคประชาชนและขบวนการนิสิตนักศึกษา 15.30 น. 13 ม.ค. 2562 ที่ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นคัดค้านการเปลี่ยน "เอกสารสิทธิที่ดิน สปก" เป็น "โฉนดทองคำหรือสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ ว่า นโยบายดังกล่าวจะเพิ่มปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากรที่ดินรุนแรงยิ่งขึ้น ผิดหลักการของการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร และ สร้างปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจและการเมืองในระยะยาวทั้งมิติความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจ มิติทางด้านเสถียรภาพและความสมดุล ที่ดินเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด จะปล่อยให้ทุนนิยมเสรีหรือกลไกตลาดจัดสรรทรัพยากรอย่างเสรีโดยไม่บริหารจัดการหรือกำกับดูแลเพื่อประโยชน์ของสาธารณชนโดยรวมไม่ได้ แม้นการให้ "สปก" ซึ่งเป็นที่ดินเพื่อการเกษตรสามารถโอนกรรมสิทธิ์หรือซื้อขายได้อาจทำให้มูลค่าที่ดินเพิ่มสูงและราคาอาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในบางพื้นที่ถึง 10-15 เท่าโดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ประชาชนและประเทศโดยรวมจะไม่ได้ประโยชน์อะไร นอกจากจะก่อให้เกิดการเก็งกำไรที่ดิน สปก ในบางพื้นที่อย่างหนัก เกษตรกรจะสูญเสียสิทธิในการถือครองที่ดินและความสามารถในเข้าถึงทรัพยากรที่ดิน การเปลี่ยน "สปก ที่ดินเพื่อการเกษตร" เป็น พื้นที่ในการสร้างโรงงาน สร้างโรงแรมรีสอร์ต สร้างบ้านจัดสรร สร้างตึกแถว สร้างศูนย์การค้า หรือเอาไปพัฒนาหากำไรอื่นๆเหมือนโฉนด อาจทำให้ผู้มีอำนาจรัฐแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่มิชอบจากที่ดิน สปก 35 ล้านไร่ จากนโยบายโฉนดทองคำได้ และจะทำให้อำนาจทุน ขนาดใหญ่บวกอำนาจรัฐเข้าถือครองที่ดินอย่างไม่จำกัดจะสร้างความไม่เป็นธรรมอย่างใหญ่หลวง ที่ดินจำนวนหนึ่งอาจถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่าเพราะรัฐครอบครองโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือ นายทุนถือครองเพื่อเก็งกำไร ในที่สุด ที่ดิน สปก 35 ล้านไร่จะตกอยู่ในมือของกลุ่มทุน ขณะที่เกษตรกรจะไร้ที่ทำกินหรือต้องเช่าที่ดินอันเป็นเหตุให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ต่างๆ หากต้องการเปิดช่องให้มีการเปลี่ยนที่ดิน สปก เป็น ที่ดินที่ใช้ในกิจการอื่นนอกเหนือการเกษตรกรรมและต้องเป็นไปเพื่อผลประโยชน์สาธารณะ ต้องมีคณะกรรมการกำกับดูแลและพิจารณาเป็นรายกรณีไม่ใช่เปิดกว้างโดยทั่วไปตามแบบนโยบายโฉนดทองคำ ปัญหา "การตะครุบที่ดิน (land grabbing) จะเพิ่มขึ้นจากกลุ่มทุนขนาดใหญ่ในประเทศและต่างชาติโดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหลาย ระบบข้อมูลการถือครองที่ดินที่ไม่ชัดเจนและแปลงที่ดิน สปก ให้ซื้อขายได้เพื่อกิจการอื่นๆจะทำให้ปัญหาการตะครุบที่ดินรุนแรงมากขึ้นในอนาคต การเพิ่มมูลค่าที่ดิน สปก ควรทำให้ เอกสารสิทธิ สปก สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกับธนาคารพาณิชย์โดยทั่วไปได้นอกเหนือจากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ในฐานะอดีตกรรมการและผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนะแนวทางในการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรว่า ข้อแรก ต้องรักษาหลักการและเจตนารมณ์ของกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม รวมทั้ง สนับสนุนการทำงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามมาตรา 81 ของกฎหมาย สปก ความว่า "ให้รัฐพึงส่งเสริมให้เกษตรกรมีกรรมสิทธิ์ และสิทธิในที่ดิน เพื่อประกอบเกษตรกรรมอย่างทั่วถึง โดยการปฏิรูปที่ดิน และวิธีการอื่นๆ" สปก เป็นดอกผลของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 และแลกมาด้วยการต่อสู้เรียกร้องขององค์กรภาคประชาชนและขบวนการนิสิตนักศึกษา รวมทั้ง แลกมาด้วยชีวิตเลือดเนื้อของผู้นำชาวนา ผู้นำสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทยถูกลอบสังหารหลายคนในช่วงปี พ.ศ. 2518 ในระหว่างการเรียกร้องเพื่อความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและกฎหมาย สปก ข้อสอง เสนอให้มีการจัดตั้ง "ธนาคารที่ดิน" เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่กำลังจะสูญเสียที่ดินทำกิน หรืออยู่ระหว่างการถูกฟ้องร้องที่จะยึดทรัพย์ หรือ จัดสรรเงินทุนซื้อที่ดินมาแจกจ่ายให้กับเกษตรกรรายย่อยที่ไม่มีที่ดินทำกิน ข้อสาม กำหนดการคุ้มครองที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กำหนดเขตการใช้ที่ดินและแผนการใช้ที่ดินเพื่อให้เกิดความสมดุล ข้อสี่ ศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการกำหนดเพดานการถือครองที่ดินที่เหมาะสมโดยไม่กระทบต่อการทำเกษตรกรรมเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ขนาดใหญ่หรือเกษตรพันธะสัญญา ข้อห้า การปฏิรูประบบข้อมูลที่ดินทั้งหมดรวมทั้งที่ดินเพื่อการเกษตร ปัญหาความเหลื่อมล้ำของการถือครองทรัพย์สินและความมั่งคั่งยังคงรุนแรงขึ้นในไทย ทำให้ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นมีมากโดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างผู้ประกอบการและเจ้าของทุน กับ แรงงานรับจ้างทั่วไปและเกษตรกรรายย่อยปราศจากที่ดินทำกิน มหาเศรษฐี 100 อันดับแรกของไทยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉลี่ยของประเทศทรัพย์สินและความมั่งคั่งไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยและหนี้สินต่อครัวเรือนกลับเพิ่มขึ้นอีกด้วยในภาวะทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เกษตรกรจำนวนไม่น้อยสูญเสียที่ดินหลักประกันเนื่องจากไม่สามารถชำระหนี้ได้ ดร. อนุสรณ์ กล่าวว่า สภาวะความเหลื่อมล้ำอย่างมากในการถือครองที่ดินได้ทำลายศักยภาพของภาคเกษตรกรรมของไทย คนไทยส่วนใหญ่ขาดโอกาส ขาดสิทธิ ขาดรายได้และไร้ซึ่งทรัพย์สินและการเข้าถึงปัจจัยการผลิตโดยเฉพาะที่ดิน ทำให้ระบอบประชาธิปไตยอ่อนแอลง การแทรกแซงโดยรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาการกระจุกตัวของการถือครองที่ดินภายใต้เจตจำนงสาธารณะเพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรมและประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจมีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศและเสถียรภาพของสังคมไทย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ