สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 16 มกราคม 2562

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 16, 2019 17:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส สภาวะตลาดวันที่ 16 มกราคม 2562 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,287.90-1,292.72 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,450 บาทต่อบาททองคำ ปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,500 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG19 อยู่ที่ 19,500 บาท ปรับตัวลดลง 80 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,580 บาท (หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.13 น. ของวันที่ 16/01/62) แนวโน้มวันที่ 17 มกราคม 2562 นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แห่งอังกฤษพ่ายแพ้ในการลงมติข้อตกลงเบร็กซิทในรัฐสภาอังกฤษ หลังอังกฤษปฏิเสธร่างข้อตกลงของเธอ ความพ่ายแพ้ดังกล่าวจุดชนวนความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งอาจนำไปสู่การถอนตัวจากสหภาพยุโรป (EU) แบบไร้ระเบียบ หรือ แม้แต่การเปลี่ยนแปลงในการตัดสินใจถอนตัว ขณะที่ตลาดกำลังปรับตัวรับแนวโน้มที่อาจมีการขยายกำหนดเส้นตายเบร็กซิท ซึ่งขณะนี้มีการคาดการณ์ว่าการพ่ายแพ้ดังกล่าวอาจนำไปสู่ทางเลือกที่เป็นไปได้ 2 แนวทาง คือ 1.เบร็กซิทแบบไร้ข้อตกลง และ 2.การไม่มีเบร็กซิทเลย อีกทั้งแหล่งข่าวระบุว่า เหล่ารัฐมนตรีอังกฤษแจ้งต่อเหล่าผู้นำธุรกิจว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติเตรียมยื่นญัตติ เพื่อเลื่อนกระบวนการมาตรา 50 ในการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(EU) โดยรัฐมนตรีอาวุโสบางคนเสนอแนวคิดว่า กำหนดการถอนตัวจาก EU ในวันที่ 29 มี.ค.อาจถูกเลื่อน นอกจากนี้ นายเจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านเตรียมการลงมติไม่ไว้วางใจในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปใหม่ โดยการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะมีขึ้น เวลา 02.00 น.ของเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย ความไม่ชัดเจนดังกล่าว ส่งให้นักลงทุนชะลอการสะสมทองคำเพิ่มเพราะกังวลว่ากับความผันผวนเบร็กซิทอาจส่งผลลบต่อสกุลเงินปอนด์ และกดดันราคาทองคำเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทองคำสามารถเคลื่อนไหวในระดับสูง ทั้งนี้ นักลงทุนประเมินแนวโน้มการเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐในเชิงลบ จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐและผลกระทบจากการชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐต่อภาคเอกชนซึ่งส่งผลกดดันดอลลาร์ ประกอบกับนักลงทุนระมัดระวังเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากดัชนีกิจกรรมธุรกิจของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)สาขานิวยอร์กร่วงกว่าที่คาดการณ์สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปี 2560 ซึ่งเป็นอีกสัญญาณความยากลำบากในภาคการผลิต ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะยาว ร่วงสู่ระดับต่ำสุดรอบ 11 เดือน ที่ 2.543% ในช่วงต้นเดือนม.ค. เบื้องต้นวายแอลจีประเมินราคาทองคำ อาจอ่อนตัวลงไม่มากหรือไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,279-1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับนักลงทุนระยะสั้นสามารถเข้าซื้อในบริเวณแนวรับเพื่อหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้น โดยการเข้าลงทุนต้องไม่ลืมตั้งจุดขายทำกำไรและจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจน กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำจะมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวออกด้านข้างในทิศทางที่ค่อยๆขยับขึ้น เบื้องต้นประเมินว่าหากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,279-1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Up อย่างไรก็ตามเมื่อราคาขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,299 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยังไม่สามารถผ่านไปได้แนะนำขายทำกำไรบางส่วน และแนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคามีการย่อตัวเข้าใกล้บริเวณแนวรับ 1,279-1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยในระยะสั้นหากราคาไม่หลุดแนวรับราคาทองคำยังมีโอกาสดีดตัวในช่วงสั้นหรือแกว่งตัวออกด้านข้างต่อไป ทองคำแท่ง (96.50%) แนวรับ 1,276 (19,100บาท) 1,265 (18,950บาท) 1,256 (18,800บาท) แนวต้าน 1,299 (19,500บาท) 1,309 (19,650บาท) 1,318 (19,800บาท) GOLD FUTURES (GFG19) แนวรับ 1,276 (19,290บาท) 1,265 (19,120บาท) 1,256 (18,990บาท) แนวต้าน 1,299 (19,640บาท) 1,309 (19,790บาท) 1,318 (19,920บาท) หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ