FTE ตั้งเป้ารายได้โต 10% แตะ 1,130 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิ 12-13% ปรับกลยุทธ์กระจายความเสี่ยง ขยายฐานลูกค้าเจาะกลุ่มโรงงานทั่วประเทศ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 30, 2019 14:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--เวิร์คลิ้งค์ ดาเอเจนซี่ FTE ตั้งเป้ารายได้โต 10% แตะ 1,130 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิ 12-13% ปรับกลยุทธ์กระจายความเสี่ยง ขยายฐานลูกค้าเจาะกลุ่มโรงงานทั่วประเทศ เตรียมสร้างคลังสินค้าเพิ่มศักยภาพการจัดเก็บ-บริหารจัดการต้นทุนดีขึ้น เล็งนำเข้าสินค้าใหม่เพิ่มโอกาสแข่งขัน เผย Backlog 400 ล้านบาท มั่นใจกวาดงานประมูลต่อเนื่อง รักษามาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่ง นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (FTE) ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมปีนี้ 10% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 1,130 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 12-13% โดยแผนการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ ประกอบด้วย 1. การขยายฐานลูกค้างานรับเหมาออกแบบติดตั้งระบบฯ โดยเน้นการเจาะกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงไม่พึ่งพาฐานลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งในปี 62 ตั้งเป้ารับงานรับเหมาออกแบบติดตั้งระบบฯโรงงานมูลค่ารวมประมาณ 200-300 ล้านบาท 2. เตรียมก่อสร้างคลังสินค้าขนาดพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ตั้งอยู่ที่ถนนลาดกระบัง เพื่อรองรับการขนส่งสินค้านำเข้าจากท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังจังหวัดชลบุรี ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการจัดเก็บสินค้าให้มีประสิทธิภาพ และสามารถบริหารควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น ทั้งนี้เงินลงทุนจะมาจากการระดุมทุน IPO ประมาณ 190 ล้านบาท รวมถึงกระแสเงินสดในกิจการ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปีนี้ 3. นำเข้าสินค้าใหม่ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกและเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน สำหรับมูลค่างานในมือ (Backlog) ปัจจุบันอยู่ที่ 400 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 130 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 270 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอผลพิจารณางานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงเพิ่มเติมอีก 20 โครงการ มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท คาดว่าบริษัทจะได้รับงานอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานของทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง "ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง และยังมีความเสี่ยงเรื่องความล่าช้าของโครงการภาครัฐ ภาวะชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโดมีเนียม ซึ่งการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ ประกอบกับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทดีขึ้น เชื่อว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโต และอัตราการทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ อีกทั้งสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง"นายทักษิณ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ