กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--IR PLUS
- PLAT เผยผลงาน งวดปี 61 รายได้ 2,117 ล้านบาท โชว์กำไร 785 ล้านบาท
- ล่าสุดเปิดโครงการเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก 14 กุมภาพันธ์ ปี 62 เฟสแรก มูลค่าก่อสร้าง 3,400 ล้านบาท
- บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.20 บาท/หุ้น ขึ้น XD 4 มีนาคม 62 กำหนดจ่ายปันผล 14 พฤษภาคม 62
นายสมชาย วรุณพันธุลักษณ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PLAT ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้าส่งและค้าปลีก เพื่อการพาณิชย์ และธุรกิจโรงแรม เปิดเผยว่า "ผลการดำเนินงานงวดปี 2561 มีรายได้และกำไรสุทธิ ที่ขยายตัวตามแผน สะท้อนการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ โดยมีรายได้รวม 2,117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนนี้ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,059 ล้านบาท ทั้งนี้ มาจากธุรกิจหลักคือ ธุรกิจให้เช่าและบริการ และธุรกิจโรงแรม"
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวดปี 2561 ( สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561) โดยเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2560 มีรายละเอียด ดังนี้
- รายได้รวม 2,177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58 ล้านบาท หรือ 3%
- กำไรขั้นต้นจากธุรกิจหลักรวม 1,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94 ล้านบาท หรือ 8%
- กำไรสุทธิรวม 785 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 ล้านบาท หรือ 2%
ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นในงวดปี 2561 ประกอบด้วยรายละเอียด ดังนี้
- รายได้จากการให้เช่าและบริการ เพิ่มขึ้นจำนวน 73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นอัตราค่าเช่าพื้นที่ของโครงการ เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถเพิ่มรายได้จากการบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ให้สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการจัด อีเวนต์กิจกรรมที่มีผู้สนับสนุนทางการตลาด (Marketing Sponsorship) สำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในศูนย์การค้า ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้ในส่วนนี้ เพิ่มขึ้นจำนวน 23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของ ปีก่อน รวมทั้ง บริษัทฯ เปิดให้บริการทุกวันสำหรับโครงการ เดอะ นีออน ไนท์ บาซาร์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 จากเดิมที่เปิดให้บริการเพียง 5 วัน โดยมีการปรับเพิ่มราคาค่าเช่าพื้นที่หลังการปรับ ให้เปิดบริการทุกวัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เปิดให้บริการโครงการ เดอะ นีออน ไนท์ บาซาร์ เฟส 2 ซึ่งเป็นเฟสใหม่ได้มีการขยายพื้นที่ และมีร้านค้าเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 2561 จึงส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้ จากการให้เช่าและบริการเพิ่มมากขึ้น
- รายได้จากการประกอบกิจการโรงแรม เพิ่มขึ้นจำนวน 39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ มีอัตราการเข้าพักอาศัยเฉลี่ยและอัตราค่าเช่าห้องพักรายวันเพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทฯ มีอัตราการเข้าพักอาศัยเฉลี่ยอยู่ที่ 91% ( ปี 2560 อยู่ที่ 88% ) เนื่องจาก บริษัทฯ มีลูกค้าที่จองห้องพักผ่านระบบการจองออนไลน์เพิ่มขึ้นและอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยสำหรับ ปี 2561 เท่ากับ 3,502 บาท/ห้อง/คืน มีการปรับตัวสูงขึ้น 7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 เนื่องจากมีความต้องการจองห้องพักจำนวนมาก จึงส่งผลให้บริษัทฯสามารถปรับราคาค่าห้องพัก ได้สูงขึ้น ประกอบกับในช่วงเดือนตุลาคมของปี 2560 บริษัทฯ มีห้องพักเพิ่มขึ้นจากเดิมจำนวน 5 ห้อง และมีรายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น จากการจัดเลี้ยงของกลุ่มสัมมนาและงานมงคลสมรส
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติอนุมัติ จ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2561 (1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2561) ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 560 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 71.33 ของกำไรสุทธิ กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 4 มีนาคม 2562 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 5 มีนาคม 2562 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 14 พฤษภาคม 2562
ด้านความคืบหน้าโครงการต่างๆ นายสมชาย กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า "บริษัทฯ เตรียมเปิดตัว ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ บนพื้นที่ 21 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 9,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก /โรงแรม 2 อาคาร ที่บริหาร โดย แมริออท อินเตอร์เนชั่น แนล ได้แก่โรงแรม ม็อกซี่ โฮเทล แบงคอก ราชประสงค์ /โรงแรม แฟร์ฟิลด์ บาย แมริออท แบงคอก ราชประสงค์ / และอาคารสำนักงาน เดอะ แพลทินัม ทาวเวอร์ สำหรับศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก เฟสแรก ล่าสุดได้เปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยวและประชาชนที่มาใช้บริการนับเป็นสุดยอดมาร์เก็ต แห่งอาหาร แฟชั่น และที่เที่ยวในฝัน ของคนกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยว จากทั่วโลก โดยตั้งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชาวไทย 50% ต่างชาติ 50 % และตั้งเป้าผู้เดินทางมาใช้บริการ (Traffic) ภายในศูนย์การค้า ประมาณ 3 ล้านคน/เดือน"