ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง LS ขาย IPO 132.43 ล้านหุ้น เดินหน้าตามแผนระดมทุนใน mai

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 1, 2019 15:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 เม.ย.--IR PLUS ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง บมจ.เลเท็กซ์ ซิสเทมส์ (LS) ตามแผนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai เตรียมเสนอขาย IPO จำนวน 132.43 ล้านหุ้น โดยมี KGI เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและ Lead underwriter ย้ำความเชื่อมั่นธุรกิจแข็งแกร่ง และโอกาสการเติบโตจากกระแสความนิยมในธุรกิจเครื่องนอนยางพาราธรรมชาติ ด้าน "ปทุมพร ตรีวิศวเวทย์" กรรมการผู้จัดการ เตรียมนำเงินระดมทุนชำระคืนเงินกู้จากการลงทุนซื้อโรงงานในจังหวัดระยอง เพื่อขยายกำลังการผลิตหมอน ลงทุนในการก่อสร้างโชว์รูม และใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการ พร้อมตั้งเป้าก้าวสู่การเป็นบริษัทมหาชนรายแรกในธุรกิจเครื่องนอนจากยางพาราธรรมชาติรายใหญ่ของประเทศ ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท เลเท็กซ์ ซิสเทมส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LS เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือ ไฟลิ่ง ของ LS เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย LS วางแผนเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 132,432,288 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 29.43% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ โดยจะจัดสรรหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นของ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB ตามสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นดังกล่าว ใน TRUBB (Pre-emptive Right) จำนวนไม่ต่ำกว่า 10% หรือไม่น้อยกว่า 13,243,229 หุ้น แต่ไม่เกิน 20% หรือไม่เกิน 26,486,457 หุ้นของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายให้แก่ประชาชนในครั้งนี้ และเสนอขายให้กับประชาชนสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 80% หรือไม่น้อยกว่า 105,945,831 หุ้น แต่ไม่เกินร้อยละ 90% หรือไม่เกิน119,189,059 หุ้น ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายให้แก่ประชาชนในครั้งนี้ วัตถุประสงค์การระดมทุน จะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จากการลงทุนซื้อโรงงานในจังหวัดระยองเพื่อขยายกำลังการผลิตหมอน, ลงทุนในการก่อสร้างโชว์รูม และเงินทุนหมุนเวียนในกิจการสำหรับขยายธุรกิจในอนาคต จุดเด่น LS คือการเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายที่นอน หมอน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ผลิตจากน้ำยางพาราธรรมชาติ 100% ที่มีคุณภาพสูง ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากลูกค้าที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ พร้อมด้วยทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากว่า 15 ปี อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมเครื่องนอนยางพาราธรรมชาติ 100% มีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และแผนการขยายตลาด โดยเฉพาะในประเทศจีน เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ นางปทุมพร ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เลเท็กซ์ ซิสเทมส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LS กล่าวว่าบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายการดำเนินธุรกิจ ที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมเครื่องนอนที่ผลิตจากยางพาราธรรมชาติ 100% ในระดับสากล และมุ่งหวังที่จะเป็นผู้ผลิตที่นอน หมอน และผลิตภัณฑ์อื่นที่ผลิตจากน้ำยางพาราธรรมชาติ 100% ที่มีคุณภาพสูงและได้รับการยอมรับในระดับโลก เพื่อให้องค์กรสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ผ่านการมุ่งเน้นการพัฒนาในด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ ด้านการบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านการบริหารต้นทุน และด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เป็นต้น ทั้งนี้ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจผลิตที่นอน, หมอน, และผลิตภัณฑ์อื่นที่ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ 100% แบบไม่ติดตราสินค้า (ธุรกิจ Non-Brand) โดยในปี 2561บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวประมาณ 96.86% ของรายได้จากการขายรวม และกลุ่มธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายที่นอน, หมอน และผลิตภัณฑ์อื่นที่ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ 100% ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ (ธุรกิจ Brand) ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นในการรุกตลาดดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 3.14% ของรายได้จากการขายรวมในปี 2561 เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความต้องการแตกต่างกัน โดยปัจจุบันบริษัทฯ ใช้ตราสินค้า "Latex Systems" และมีแผนใช้ตราสินค้า "Sleepertist" เพื่อรองรับลูกค้าเป้าหมายที่มีระดับรายได้สูง ตราสินค้า "TNF" เพื่อรองรับลูกค้าเป้าหมายที่มีระดับรายได้ปานกลาง อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนใช้ตราสินค้า "Nap & Night" เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีระดับรายได้น้อย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทฯ สามารถครอบคลุมส่วนแบ่งการตลาด และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปัจจุบัน LS มีโรงงานผลิตสินค้า ประกอบด้วย โรงงาน กม.36 ตั้งอยู่ที่ถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 36 จังหวัดฉะเชิงเทรา ผลิตสินค้าประเภทที่นอน หมอน และผลิตภัณฑ์อื่นที่ผลิตจากน้ำยางพาราธรรมชาติ 100% เช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนสำหรับเด็ก หมอนรองคอ เบาะพิงหลัง เบาะรองนั่ง และ หมอนข้าง เป็นต้น และโรงงานที่จังหวัดระยอง ผลิตสินค้าประเภทหมอนยางพารา ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการและรับโอนทรัพย์สินโรงงานดังกล่าวในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโรงงานลาดกระบัง ผลิตสินค้าประเภทหมอนยางพารา ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติไม่ต่อสัญญาเช่าและหยุดการผลิตแล้วในเดือนพฤศจิกายน 2561 เนื่องจากเป็นโรงงานดั้งเดิม โดยสายการผลิตหมอนโรงงานระยอง จะมาทดแทนสายการผลิตหมอนโรงงานลาดกระบัง ส่งผลให้ในปี 2561 LS มีกำลังการผลิตที่นอนรวมประมาณ 68,640 ชิ้นต่อปี และมีกำลังการผลิตหมอนจากน้ำยางธรรมชาติอยู่ที่ 2,071,000 ชิ้นต่อปี ทั้งนี้ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมในปี 2559 - 2561 จำนวน 429.40 ล้านบาท 753.47 ล้านบาท และ 831.73 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 24.65% สาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของกลุ่มลูกค้าผู้ใช้สินค้าชาวจีน จากกระแสความนิยมในผลิตภัณฑ์เครื่องนอนที่ผลิตจากน้ำยางพาราธรรมชาติ และความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์เครื่องนอนยางพาราที่ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐานในประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2559 - 2561 เท่ากับ 62.50 ล้านบาท 114.07 ล้านบาท และ 113.75 ล้านบาท ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิในปี 2561 มีการปรับตัวลดลงจากปี 2560 คิดเป็นสัดส่วน 0.28% เป็นผลมาจากในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2561 เกิดเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต ส่งผลให้ปริมาณนักท่องเที่ยวจีนในไทยลดลง และการจำหน่ายสินค้าล้างสต๊อกในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตามจากนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวของรัฐบาล ในช่วงปลายปี 2561 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีน เริ่มฟื้นตัวและกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้นอีกครั้ง ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนดังกล่าว จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมเครื่องนอนยางพาราโดยรวม ทั้งนี้ในปี 2561 บริษัทฯ มีโครงสร้างรายได้จำแนกตามแหล่งที่มาของรายได้ตามประเทศที่สั่งซื้อสินค้า ดังนี้ รายได้จากการขายภายในประเทศ 68.71% ประเทศจีน 24.66% ประเทศเกาหลีใต้ 5.89% และ ประเทศอื่นๆ 0.74% "บริษัทฯ เดินหน้าตามแผนการระดมทุนเพื่อเสริมการเติบโตทางธุรกิจ โดยเครื่องนอนจากยางพาราธรรมชาติเป็นที่นิยมในตลาดโลก ตามการขยายตัวของประชากร เศรษฐกิจ และกระแสการรักสุขภาพมากขึ้น จึงมุ่งเน้นการขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งในธุรกิจ Non Brand และธุรกิจ Brand รับโอกาสการเติบโต รวมถึงแผนการรุกตลาดใหม่ ๆ ทั่วโลกจากปัจจุบัน เราเป็นผู้ผลิตเครื่องนอนจากยางพาราธรรมชาติ 100% ที่ได้รับการยอมรับจากแบรนด์ชั้นนำ มีความแข็งแกร่งในตลาดจีน และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ LS นับเป็นบริษัทเครื่องนอนที่ผลิตจากยางพาราธรรมชาติรายแรก ที่เตรียมเข้ามาระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai" นางปทุมพร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ