กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส
ลีดเวย์ เฮฟวี่ แมชชีนเนอร์รี่ ผนึก ซานตง เผิงเซียง ยักษ์ใหญ่จากจีน ลุยตลาดรถบรรทุก เปิดตัว "PX90ATYQ" สำหรับธุรกิจเหมืองแร่และโรงโม่ เสริมทัพธุรกิจลีดเวย์ รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจมหภาคของประเทศอย่างต่อเนื่อง
นาย ฉกาจ แสนจัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีดเวย์ เฮฟวี่ แมชชีนเนอร์รี่ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ลีดเวย์ เฮฟวี่ แมชชีนเนอร์รี่ จำกัด ร่วมมือกับ บริษัท ซานตง เผิงเซียง ออโตโมบิล จำกัด ประเทศจีน รุกตลาดไทยและภูมิภาค เปิดตัว รถบรรทุกงานเหมือง PX รุ่น PX90ATYQ ซึ่งมีสมรรถนะและประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมด้วยเครื่องยนต์ 530 แรงม้า ระบบเกียร์อัตโนมัติ ระบบช่วงล่างไฮโดรนิวเมติก (Hydro Pneumatic) กระบะบรรทุกความจุ 35 คิวเต็ม รองรับทุกหน้างานด้วยยางเรเดียล ขนาด 16.00R25 พร้อมเครื่องอัดจารบีอัตโนมัติ และมีระบบตรวจเช็คการทำงานผ่าน GPS
ในฐานะผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ลีดเวย์ให้ความมั่นใจด้วยบริการครบวงจร One Stop Service ตั้งแต่ขั้นตอนการแนะนำผลิตภัณฑ์ บริการสินเชื่อเช่าซื้อภายในและระหว่างประเทศ (Cross Border) ที่ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 48 เดือน รวมถึงทีมบริการหลังการขาย เพื่อให้ผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติสามารถบริหารการลงทุนให้เกิดผลคุ้มค่ามากที่สุด
"ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดรถบรรทุกงานเหมืองมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตที่ดีตามทิศทางการขยายการลงทุนในธุรกิจดังกล่าว และในปี 2562 คาดว่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เพื่อตอบสนองและรองรับการเติบโตตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมาร์ ลาว เป็นต้น"
ด้าน นาย หยาง หมิง เจี๋ย ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซานตง เผิงเซียง ออโตโมบิล จำกัด ประเทศจีน เปิดเผยว่า บริษัทตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจกับ บริษัท ลีดเวย์ เพราะเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งและศักยภาพของลีดเวย์ที่เข้าใจตลาดอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลหนักในไทย อีกทั้งยังมีความพร้อมด้านบริการทั้งก่อนและหลังการขาย โดยมีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ประกอบกับมีความโดดเด่นด้านการจัดหาสินเชื่อให้กับลูกค้า
"บริษัท ซานตง เผิงเซียง เป็นบริษัทผู้ผลิตเพลาชั้นนำของโลกมายาวนาน โดยได้รับการยอมรับด้านคุณภาพและความคุ้มค่า เรามองเห็นโอกาสเติบโตในตลาดของไทยอันเป็นตลาดใหญ่ของภูมิภาค จากปัจจัยสำคัญด้านนโยบายขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และภาคเอกชนที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง"
ขณะที่แผนการทำตลาดรถบรรทุกงานเหมือง รุ่น PX90ATYQ ในช่วงปีแรกหลังการเปิดตัว ลีดเวย์ได้วางกลยุทธ์การขายโดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้างานขุดขนในพื้นที่เหมืองแม่เมาะ จังหวัดลำปาง และเหมืองหงสา ในเมียนมาร์ เป็นหลัก เนื่องจากเป็นพื้นที่เป้าหมายที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมาช่วงงานขนย้ายหน้าดินของโครงการเปิดหน้าเหมืองโรงไฟฟ้าแม่เมาะ โครงการที่ 8 และ 9 (Mae Moh Overburden Phase 8 - 9 Project) ซึ่งมีผู้รับเหมางานหลัก ได้แก่ กลุ่มบริษัทสหกล และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด ตามลำดับ จากจำนวนผู้รับเหมาในปัจจุบันที่มีมากกว่า 15 ราย
ลีดเวย์จะรุกตลาดในพื้นที่ดังกล่าวด้วยการชูคุณภาพและคุณลักษณะของรถบรรทุกงานเหมือง PX ที่โดดเด่นเหนือคู่แข่ง การให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อและการเงินแบบครบวงจร รวมถึงความพร้อมด้านบริการหลังการขายที่ฉับไว และทันท่วงทีจากศูนย์บริการลีดเวย์ ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ความต้องการใช้งานรถบรรทุกงานเหมืองของผู้รับเหมาช่วงทั้ง 15 ราย ไว้ที่ประมาณ 200-300 คัน
"แผนรุกตลาดในอนาคต ลีดเวย์มองไปที่กลุ่มธุรกิจโรงโม่หินและเหมืองปูนซีเมนต์ ในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่มีแนวโน้มการขยายตัวสูง ประกอบกับเมื่อการกำหนดพื้นที่สำหรับการทำกิจการเหมืองแร่ตามแผนแม่บทของภาครัฐเสร็จสมบูรณ์จะปลดล็อกการออกสัมปทานบัตรใหม่สำหรับผู้ประกอบการเหมือง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการเครื่องจักรและรถบรรทุกสำหรับงานเหมืองมากขึ้น เพื่อรองรับโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐในระยะ 6-8 ปีต่อจากนี้"
นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ที่ตั้งของประเทศไทยยังส่งผลให้ลีดเวย์มีข้อได้เปรียบในการให้บริการ ทั้งในส่วนเครื่องจักรกลหนัก บริการสินเชื่อเช่าซื้อและบริการหลังการขาย แก่ลูกค้าในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (CLMV) ที่มีโครงการพัฒนาต่างๆ เกิดขึ้นในประเทศอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ อาทิ เหมืองหยก เหมืองทอง เหมืองถ่านหิน โครงการเหมืองถ่านหินปูนซีเมนต์ เมืองเมาะลำไย โครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย และโครงการเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าต่างๆ ในเมียนมาร์ โครงการเหมืองถ่านหิน โครงการโรงไฟฟ้าหงสา และโครงการเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าต่างๆ ในลาว เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าภายในปี 2562 รถบรรทุกงานเหมือง PX รุ่น PX90ATYQ จะสามารถทำยอดจำหน่ายได้ประมาณ 60 คัน