“AECS” มองสงครามการค้า-การเมืองในประเทศทหุ้นไทยแกว่งลง แนะลงทุนหุ้น Defensive -Growth ชู SSP - AMATA – BEM - AOT –TWPCเด่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 7, 2019 14:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บล.เออีซี มองตลาดหุ้นไทยแกว่งลง หลังสงครามการค้าสหรัฐ-จีนส่อปะทุรอบใหม่ การเมืองในประเทศก็ยังไม่ชัดเจน บวกBloomberg Consensus จ่อหั่นกำไร บจ. ลงหลังประกาศงบไตรมาส 1/62 ทำให้ EPS ของ SET Index ปรับตัวลดลง และ P/ E ปรับสูงขึ้น จึงให้กรอบดัชนี 1,660-1,680 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Defensive -Growth ชู SSP - AMATA – BEM - AOT –TWPCเด่น บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS ระบุว่า ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากปัจจัยกดดันการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนของ Bloomberg Consensus ซึ่งคาดว่าจะทำให้ EPS ของ SET Index ปรับตัวลดลง และ PE Valuation ปรับตัวสูงขึ้น และประเด็นการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ โดย กกต. ประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส. อย่างเป็นทางการภายในวันที่ 9 พ.ค. ตามกรอบเวลาที่กฏหมายกำหนด 150 วันหลังวันเลือกตั้ง ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังคงจับตา แม้ตัวเลข GDP ประมาณการครั้งที่ 1 ของสหรัฐฯ ไตรมาส 1/2562 ออกมามากกว่าที่ตลาดคาด (Actual3.2% vs Forecast 2.0%) แต่ยังกังวลกับสงครามการค้ารอบใหม่หลังมีข่าวสหรัฐขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากอัตราเดิม 10% เป็นอัตราใหม่ 25% ให้มีผลในวันศุกร์นี้และจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดีรองนายกรัฐมนตรีของจีน นายหลิว เหอ มีโอกาสที่จะเดินทางไปเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ในวันพฤหัสฯและศุกร์นี้ จึงประเมิน SET ในกรอบ 1,660-1,680 จุด อีกทั้ง ราคาน้ำมัน WTI ปรับลดลง Month to Date จากการพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ โดย EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 9.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 470.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยปัจจุบันปรับลดลง 1.66% MTD ดังนั้น มองว่าเป็นโอกาสเข้าลงทุน โดยแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive และกลุ่ม Growth เช่น กลุ่มหุ้นกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ได้แก่ กลุ่มพลังงานทางเลือก แนะนำ SSP โดยปี 62 ตั้งเป้า COD เพิ่มอีก 65.6 MW จากโซลาฟาร์มมองโกเลีย 16 MW และโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 49.6MW ส่งผลให้สิ้นปีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 157.1MW จากปี 61 ที่ 90.4MW รวมทั้งยังแนะนำ กลุ่มนิคมและโลจิสติกส์ ซึ่งกลุ่มนิคม ได้อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่น แนะนำAMATA ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,274 ไร่, พื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,837 ไร่และที่ดินสำหรับ Commercial Area รวม 1,227 ไร่ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ไว้ที่ 1,005 ไร่จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 863 ไร่) นอกจากนี้มองกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ ได้อานิสงส์บวกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แนะนำ BEM ตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจรถไฟฟ้ามีจำนวนผู้โดยสารจะเติบโต 5-7% จากปีก่อนที่มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 3.1 แสนเที่ยวคน/วันทั้งนี้ตั้งเป้าปี 64 จำนวนผู้โดยสารจะแตะ 5-5.5 แสนเที่ยวคน/วัน จากการเปิดเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-หลักสอง ก.ย. 62 และช่วงเตาปูน-ท่าพระ มี.ค. 63 ส่วนปริมาณจราจรบนทางด่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 1-2%จากปีก่อน ใกล้เคียงปีก่อนที่เติบโต 1.3% จากปีก่อน และ AOT (ช่วง ม.ค.-มี.ค. 62 เผยจำนวนเที่ยวบินโต 2.71%จากปีก่อน และจำนวนผู้โดยสารโต 2.41%จากปีก่อน สุดท้ายกลุ่ม Mid to Small Cap โดยเลือกหุ้นที่กำไรปี 62 จะมีแนวโน้มโตเด่นเลือก TWPC ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 146.6%จากปีก่อน จากแผน Inorganic Growth และสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มดีขึ้น และ SVI หนุนด้วยเป้ารายได้โต 20%จากปีก่อน จากลูกค้าใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด รวมถึงลูกค้าจากจีนที่มีความต้องการสินค้าสูงขึ้นหลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน นอกจากนี้มีโครงการซื้อหุ้นคืนในวงเงิน 1,000 ลบ. จำนวน 130 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 17 เม.ย.-16 ต.ค.62

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ