ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ ฯ เตือนความรุนแรงของกามโรค และโรคทางเพศสัมพันธ์กับการระบาดในหมู่วัยรุ่น

ข่าวทั่วไป Monday June 24, 2019 11:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--ไอเวิร์คพีอาร์ โดย อ.นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และอุปนายกสมาคมแพทย์โรคติดต่อทาง เพศสัมพันธ์แห่งประเทศไทย โรคซิฟิลิส หนองใน เริม เอชไอวีและหูดหงอนไก่ กลับมาระบาดอีกครั้ง ทำให้โรคเกี่ยวกามโรคในไทยพุ่งสูงมากขึ้นในหมู่เยาวชนและวัยรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นเหตุมาจากอัตราการใช้ถุงยางลดลงโดย ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจในเรื่องของการแพร่ระบาดของโรคซิฟิลิสในหลาย ๆ ประเทศ สำหรับในประเทศไทย มีข้อมูลการแพร่ระบาดของโรคซิฟิลิสครั้งใหม่ในหมู่ของวัยรุ่น ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมแพทย์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แห่งประเทศไทย จึงขอหยิบยกเรื่องโรคทางเพศสัมพันธ์มากล่าวถึงพร้อมแนะแนวทางปฏิบัติตนให้เหมาะสม โรคซิฟิลิสและหนองในเป็นโรคที่เกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 3 วัน ผู้ชายจะเริ่มปัสสาวะแสบและขัดและมีหนอง ส่วนในผู้หญิงจะมีอาการตกขาว มีกลิ่นมีเมือกสีเขียวๆ หริออาจจะไม่มีอาการเลยก็ได้ ปัจจุบันโรคหนองในเริ่มพบว่ามีการดื้อยา ลักษณะของการดื้อยามีหลายรูปแบบ จึงได้เปลี่ยนวิธีมาใช้วิธีการฉีดยา ซึ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับยาประเภทรับประทาน เริ่มรักษาไม่หายเพราะเกิดการดื้อยา เพียงแค่เริ่มดีมีอาการดีขึ้น มีหนองน้อยลง ปัสสาวะไม่แสบ ทำให้ผู้ป่วยคิดว่าหายขาดแล้ว จึงไปมีเพศสัมพันธ์ซ้ำและไปแพร่เชื้อต่อ ส่วนโรคซิฟิลิสจะมีระยะฟักตัวตั้งแต่ 10 วัน ถึง3เดือน แบ่งเป็น 1. ระยะที่ 1 เป็นแผลริมแข็งที่บริเวณอวัยวะเพศ แผลมักจะไม่เจ็บ 2. ระยะที่ 2 เป็นผื่นตามตัว แขน ขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ผมร่วงเป็นต้น 3. ระยะแฝง ไม่มีอาการผิดปกติ แต่ผลการตรวจเลือดซิฟิลิสให้ผลบวก จากข้อมูลในการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาล่าสุดพบว่าวัยรุ่นมีแนวโน้มในการมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น โดยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 13 ปี โดยร้อยละ 30 ไม่ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ทำให้เห็นว่าวัยรุ่นยังไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน ซึ่งจะทำให้วัยรุ่นติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงเอชไอวี และการตั้งครรภ์ตอนที่ยังไม่พร้อมเพิ่มสูงขึ้น ปัญหาของวัยรุ่นขณะนี้คือเป็นวัยที่ไม่พร้อมและมีการใช้ถุงยางอนามัยน้อยลง พบว่าสังคมปัจจุบันมีพวกสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆที่สามารถเข้าถึงสื่อลามกอนาจารได้ง่ายขึ้นและผู้ปกครองไม่มีเวลาดูแลบุตรหลานเท่าที่ควรปล่อยให้เด็กอยู่กับเพื่อนหรือไปทำกิจกรรมนอกบ้านเพียงลำพัง เมื่อเกิดพลาดพลั้งมีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลาอันควร จนทำให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคร้ายได้ นอกจากโรคซิฟิลิสและหนองในแล้ว ยังมีโรคที่กลับมาระบาดอีกครั้งอีก 2 โรค คือโรคเริมและโรคหูดหงอนไก่สำหรับโรคเริม เมื่อเป็นแล้ว จะต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต บางคนเป็นทุกเดือน เป็นที่อวัยวะเพศหริออาจจะเป็นที่ริมฝีปาก เป็นซ้ำซากๆ บางคนสุขภาพจิตเสีย ปัจจุบันไม่มียารักษาให้หายขาด ทั้งนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมือนในช่วง 20 ปีที่แล้วที่มีการรณรงค์ในเรื่องของการใช้ถุงยางอนามัย ไม่ควรชะล่าใจ หากไม่ใช้ถุงยางอนามัยแล้วก็จะทำให้เป็นโรคเหล่านี้กลับมาระบาดอีกครั้ง ซึ่งนอกจากจะพบทั้ง 4 โรคนี้แล้ว ที่สำคัญยังพบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคซิฟิลิส มีโอกาสสูงที่จะติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มชายรักชาย(เกย์)โดยพบว่าในคลินิกที่ให้บริการเกี่ยวกับตรวจเลือดเอชไอวีมีการตรวจพบกลุ่มที่เสี่ยงที่สุดคือกลุ่มเกย์ จากการตรวจจำนวน 100 คน จะพบประมาณ 10 กว่าคน ที่ติดทั้งซิฟิลิสและเอชไอวีทำให้การรักษาโรคซิฟิลิสทำได้ยากขึ้นเพราะภูมิต้านทานจะต่ำ เวลารักษาซิฟิลิสจะเป็นๆหายๆกลับมาเป็นได้อีก โรคซิฟิลิสนั้นไม่มีความต้านทานที่ถาวร ผู้ป่วยสามารถติดเชื้อได้ทุกครั้งบางคนเป็นได้ ตั้ง 5 – 6ครั้ง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ