เรื่องกล่าวหานางกรุณา ชิดชอบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ อนุมัติงบประมาณเงินอุดหนุนให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์โดยมิชอบ

ข่าวทั่วไป Thursday June 27, 2019 11:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าสืบเนื่องจากปรากฎข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีการเรียกเงินคืนเกี่ยวกับการที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์จ่ายเงินอุดหนุนให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ขนคนไปเชียร์ฟุตบอล สำนักงาน ป.ป.ช. จึงเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณามีมติให้รับไว้ดำเนินการ เป็นกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่านางกรุณา ชิดชอบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ อนุมัติงบประมาณเงินอุดหนุนให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์โดยมิชอบ จากนั้นสำนักงาน ป.ป.ช. จึงดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง โดยได้รวบรวมพยานหลักฐาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาและคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมีพลเอกบุณยวัจน์ เครือหงส์ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน จากการไต่สวน ปรากฎข้อเท็จจริงฟังได้ว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ได้อนุมัติจ่ายเงินอุดหนุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ประจำปี 2554 – 2556 ปีละ 20,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 60,000,000 บาท ให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อนำไปใช้ในการศึกษาแก่เด็ก เยาวชน ประชาชน และบุคลากรกีฬาได้ไปศึกษาดูงาน เพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลหรือกีฬาประเภทต่างๆ ภายในประเทศหรือจังหวัดต่างๆ เพื่อพัฒนาเป็นนักกีฬาอาชีพ ในอนาคต และเพื่อส่งเสริมพัฒนามาตรฐานกีฬาฟุตบอลและกีฬาประเภทต่างๆ ของจังหวัดบุรีรัมย์ให้สูงขึ้น แต่การที่สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์นำเงินอุดหนุนที่ได้รับไปใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าป้ายประชาสัมพันธ์ และค่าพาหนะจ้างเหมารถยนต์ เพื่อนำเด็ก เยาวชน ประชาชน และบุคลากรกีฬาเดินทางไปชมและเชียร์ฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ดหรือบุรีรัมย์เอฟซีหรือบุรีรัมย์พีอีเอ ที่เข้าแข่งในจังหวัดต่างๆ ซึ่งไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของโครงการ จึงมีประเด็นที่ต้องพิจารณา ดังนี้ 1. การอนุมัติงบประมาณเงินอุดหนุนโครงการดังกล่าวให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์เป็นไปโดยชอบด้วยระเบียบกฎหมายหรือไม่ มีการเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลหรือองค์กรใดหรือไม่ มีการทุจริตเงินโครงการหรือไม่จากการรวบรวมพยานหลักฐานฟังได้ว่าในการอนุมัติงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด กล่าวคือองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถตั้งงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนให้องค์กรที่จัดตั้งตามกฎหมายได้ ซึ่งสมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์เป็นองค์กรที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งเป็นสมาคมเมื่อปี 2537 จึงเป็นองค์กรที่จัดตั้งตามกฎหมาย ประกอบกับโครงการที่ขอรับการสนับสนุนเป็นโครงการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์และประชาชนในเขตพื้นที่ได้รับประโยชน์ โดยได้มีการพิจารณาถึงความสอดคล้องกับแผนพัฒนาสามปีขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ในยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านพัฒนาคุณภาพของคนและสังคม และได้ตั้งงบประมาณอุดหนุนโครงการไว้ในข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้มีหนังสือเวียนซักซ้อมแนวทางปฎิบัติว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถตั้งงบประมาณอุดหนุนให้แก่องค์กรประชาชน องค์กรการกุศลและองค์กรที่จัดตั้งตามกฎหมาย ตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยไม่ต้องส่งโครงการ/กิจกรรมเสนอต่อคณะอนุกรรมการอำนวยการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับจังหวัดแต่อย่างใด สำหรับประเด็นว่าการอนุมัติเงินอุดหนุนดังกล่าว มีการเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลหรือองค์กรใดหรือไม่ มีการทุจริตเงินโครงการหรือไม่นั้น จากการรวบรวมพยานหลักฐานยังไม่ปรากฏว่ามีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่เสนอโครงการให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ เร่งรัดพิจารณาอนุมัติเป็นพิเศษแต่อย่างใด และไม่พบว่ามีการโอนเงินหรือทอนเงินจากสมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์หรือสมาคมฟุตบอลอื่นๆ กลับมายังผู้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด จึงยังฟังไม่ได้ว่ามีการทุจริตเงินโครงการดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน 2. การที่สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์นำเงินอุดหนุนไปใช้ไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ใครเป็นผู้รับผิดชอบ จากการไต่สวนฟังได้ว่ากรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้มีหนังสือเวียนซักซ้อมแนวทางปฎิบัติว่า เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้อนุมัติเงินอุดหนุนแล้ว หน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนต้องรายงานผลการดำเนินงานให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบ รวมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน ถ้าหน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถเรียกเงินเท่าจำนวนที่อุดหนุนไปทั้งหมดคืน ในกรณีนี้ ปรากฏพยานหลักฐานว่าสมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ผู้ขอรับทุนได้มีการรายงานผลการดำเนินงานให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ทราบ แต่ไม่พบว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ โดยคณะกรรมการติดตามและประเมินผลแผนพัฒนาท้องถิ่น ได้ดำเนินการติดตามผลโครงการดังกล่าวแต่อย่างใดสำหรับในส่วนของเงินอุดหนุนโครงการให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ แต่สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ กลับนำไปใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าป้ายประชาสัมพันธ์ และค่าพาหนะจ้างเหมารถยนต์ เพื่อนำเด็ก เยาวชน ประชาชน และบุคลากรกีฬาเดินทางไปชมและเชียร์ฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ดหรือบุรีรัมย์เอฟซีหรือบุรีรัมย์พีอีเอนั้น พบว่า 2.1 ปีงบประมาณ 2554 สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเงินอุดหนุน 20,000,000 บาท โดยได้ใช้ในการขนคนไปชมและเชียร์ฟุตบอล 47 ครั้ง เป็นเงิน 19,735,500 บาท ที่เหลือ 264,500 บาท ได้ส่งคืนองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ 2.2 ปีงบประมาณ 2555 สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเงินอุดหนุน 20,000,000 บาท โดยได้ใช้ในการขนคนไปชมและเชียร์ฟุตบอล 35 ครั้ง เป็นเงิน 19,992,000 บาท ที่เหลือ 8,000 บาท ได้ส่งคืนองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ 2.3 ปีงบประมาณ 2556 สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเงินอุดหนุน 20,000,000 บาท โดยได้ใช้ในการขนคนไปชมและเชียร์ฟุตบอล 16 ครั้ง เป็นเงิน 20,000,000 บาท รวมใช้เงินไปทั้งสิ้น 59,727,500 บาท ทั้งนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบและแจ้งให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด บุรีรัมย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ดำเนินการ 1. เรียกเงินคืนจากสมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเงิน 59,727,500 บาทแล้ว แต่สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ยังไม่ส่งคืน ดังนั้นองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้ขอให้อัยการจังหวัดบุรีรัมย์ฟ้องเป็นคดีแพ่ง 2. ดำเนินการทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้อง คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติว่า 1. การกระทำของนางกรุณา ชิดชอบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ข้อกล่าวหาไม่มีมูลความผิดอาญา 2. ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชา ดำเนินการลงโทษทางวินัยไม่ร้ายแรงกับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ติดตามผลและประเมินผล และรายงานให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ 3. ให้จังหวัดบุรีรัมย์ ติดตามผลการดำเนินคดีทางแพ่ง และรายงานให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ