ปตท.สผ.สร้างชื่อบริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติไทย รับสิทธิ 5 แปลงสำรวจในต่างประเทศใน ปี'47 กำไรสุทธิ 15,866 ล้าน

ข่าวทั่วไป Wednesday February 2, 2005 14:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--ปตท.สผ.
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ในฐานะบริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติ ขยายการลงทุนสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียมในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ปี 2547 รับสิทธิแปลงสำรวจในต่างประเทศ 5 แปลง ประกาศผลประกอบการปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิ 15,866 ล้านบาท ปี 2547 ปีแห่งความภาคภูมิใจ ปตท.สผ. ประกาศพร้อมขยายกำลังการผลิต พื้นที่สำรวจทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมุ่งเน้นการพัฒนาองค์กร พัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ทันกับความเจริญเติบโตขององค์กร รวมทั้งเน้นการบริหารงานแบบบรรษัทภิบาล
นายมารุต มฤคทัค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2547 ปตท.สผ. ได้ขยายการลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตะวันออกกลาง ทวีปแอฟริกาเหนือ ทั้งหมด 5 แปลง สำรวจใน 3 ประเทศ โดยในเดือนมกราคม ปตท.สผ. กับกระทรวงปิโตรเลียมอิหร่านได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (Memorandum of Understanding) เพื่อความร่วมมือด้านการสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมในอนาคต รวมทั้งฝึกอบรมและให้ความร่วมมือทางด้านเทคนิคในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมระหว่างทั้ง 2 ประเทศ
ในมีนาคมปีเดียวกัน ปตท.สผ. ได้ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิตเพื่อเข้าร่วมทุนร้อยละ 35 ในแปลง 433a และ 416b ในประเทศอัลจีเรีย ทวีปแอฟริกาเหนือ และในเดือนสิงหาคม ได้ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิตเพื่อเป็นผู้ดำเนินการและถือสัดส่วนทั้งหมดในแปลง M3 และ M4 ในสหภาพพม่า และในเดือนกันยายน ได้ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิตในสัดส่วนร้อยละ 50 และเป็นผู้ร่วมดำเนินการในแปลง B-17-01 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย (MTJDA)
"นโยบายการขยายการลงทุนในต่างประเทศของ ปตท.สผ. สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยทางกระทรวงพลังงานเห็นว่า ในสถานการณ์ของราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ปตท.สผ. ในฐานะของบริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติน่าจะเร่งหาแหล่งพลังงานสำรองให้กับประเทศเพิ่มขึ้น โดยจะเข้าไปเป็นผู้ดำเนินการหรือถือสิทธิในแหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพ โดยทางกระทรวงฯ ให้การสนับสนุนและเปิดทางให้กับ ปตท.สผ. ในการเข้าไปเจรจากับรัฐบาลในประเทศต่างๆ ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดีในทุกประเทศที่ ปตท.สผ. เข้าไปลงทุน ประกอบกับหลายประเทศมีนโยบายที่จะเพิ่มการลงทุนกับ บริษัทน้ำมันจากเอเชีย จึงถือเป็นโอกาสทางการลงทุนที่ดีของ ปตท.สผ. ในฐานะบริษัทปิโตรเลียมของไทย" นายมารุต กล่าว
สำหรับผลประกอบการประจำปี 2547 กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา ปตท.สผ. มีฐานะการเงินที่มั่นคง ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 134,070 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2546 ซึ่งมีปริมาณการขาย 107,299 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน รวมถึงราคาขายของปี 2547 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 23.38 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบเมื่อเทียบกับ 20.62 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2546 ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีรายได้จากการขาย 48,417 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15,866 ล้านบาท
"ในปี 2547 ปีแห่งความภาคภูมิใจของ ปตท.สผ. จากวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน มีความยอดเยี่ยมด้านการบริหารกิจการ ตลอดจนการให้ความสำคัญกับสังคมอย่างต่อเนื่องจนทำให้ ปตท.สผ. ได้รับรางวัล Best Performance Award รางวัลที่มอบให้บริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานดีเด่นในปี 2546 ซึ่งทาง ปตท.สผ. ได้รับรางวัลในกลุ่มทรัพยากร (Resources) และยังได้รับรางวัล Best Corporate Governance Report Award ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมอบให้แก่บริษัทจดทะเบียนฯ 10 บริษัทที่มีความโดดเด่นด้านการรายงานการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับคะแนนในระดับ "ดีมาก" ของการจัดอันดับการกำกับดูแลกิจการ (CG Rating โดย TRIS ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ปตท.สผ. มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาบริษัทให้ได้มาตรฐานของบรรษัทภิบาลในระดับสากล" กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าว
ในส่วนของการดำเนินงานและทิศทางการลงทุนในปี 2548 นั้น กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า ปตท.สผ. ประมาณการเงินลงทุนรวม 40,650 ล้านบาท และจะเพิ่มปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยประมาณวันละ 144,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จากปีก่อนที่มีปริมาณการขายเฉลี่ยประมาณวันละ 134,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มและรักษาระดับการผลิตในโครงการหลักๆ อาทิ เพิ่มปริมาณการผลิตจาก โครงการ S1 และโครงการ เยตากุน เป็นต้น
นอกเหนือจากนี้ โครงการที่จะเริ่มผลิตในอนาคตอันใกล้นี้ อาทิ โครงการนางนวล ซึ่งอยู่ในช่วงการทดสอบการผลิต โดยคาดว่าจะผลิตได้ในอัตราประมาณ 5,000 บาร์เรลต่อวัน ส่วนโครงการอาทิตย์ อยู่ในระหว่างการประมูลก่อสร้างแท่นหลุมผลิต (Wellhead Platforms) เพิ่มอีก 3 แท่น จากที่ทำสัญญาก่อสร้างไปแล้ว 3 แท่น แท่นผลิตกลาง (Central Processing Platform) 1 แท่น และแท่นที่พักอาศัย (Living Quarter Platform) 1 แท่น ภายในกลางปีนี้จะสามารถลงนามในสัญญาฯ ได้ทั้งหมด โดยปตท.สผ. ตั้งเป้าว่าจะสามารถเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในปี 2550 และมีอัตราผลิตเฉลี่ยประมาณ 330 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
สำหรับโครงการพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-มาเลเซีย มีแผนจะลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติในแปลง B-17 และแปลง B-17-01 ภายในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ และจะเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในปี 2551 โดยคาดว่าอัตราการผลิตเฉลี่ยประมาณ 270 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และโครงการโอมาน 44 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าการเจรจาในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติในแหล่ง Shams กับรัฐบาลโอมาน โดยคาดว่าจะลงนามได้ภายในต้นปีนี้ ปตท.สผ. ได้ดำเนินการเจาะหลุมสำรวจเสร็จสิ้นแล้ว 1 หลุมประสบผลสำเร็จตามความคาดหมาย ในปีนี้ มีแผนที่จะเจาะหลุมสำรวจ 1 หลุม หลุมประเมินผล 1 หลุมในโครงการโอมาน 44 และหลุมสำรวจอีก 1 หลุมในแหล่ง Shams
การขยายการลงทุนของ ปตท.สผ. ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอต่อการขยายตัว เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานอย่างเต็มที่ ปตท.สผ. ถือว่า กลไกหลักในความสำเร็จ คือ การพัฒนาองค์กร พัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อให้ทันกับความเจริญเติบโตขององค์กร รวมทั้งเน้นการบริหารงานโปร่งใส ตรวจสอบได้ตามหลักบรรษัทภิบาล
สอบถามรายละเอียดเพิ่ม กรุณาติดต่อ
ฝ่ายกิจการสัมพันธ์
คุณสิทธิชัย ไชยันต์ / คุณต้องจิตร วัฒนาเมธี / คุณพัลลภ ลิ่มสกุล
โทร. 02 537 4000--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ