บางกอกแลนด์ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.09 บาทเท่ากับปีที่แล้ว ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 47

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 25, 2019 13:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--อินสไปร์ คอมมิวนิเคชั่นส์ ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ เมืองทองธานี: บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ได้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 นำโดย นายซุยฮัง (ปีเตอร์) กาญจนพาสน์ รองประธานกรรมการบริษัท และกรรมการบริหาร รายงานผลประกอบการที่เติบโตขึ้นตามลำดับโดยเตรียมจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นบางกอกแลนด์ในอัตราหุ้นละ 0.09 บาท ซึ่งเท่ากับปีที่ผ่านมา โดยเงินปันผลส่วนที่คณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรนี้จะนำเสนอต่อผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 47 ในวันนี้ และถึงแม้ว่าภาวะทางเศรษฐกิจทั่วโลกยังเกิดภาวะการหดตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่กำลังจะเกิดขึ้นในหลายภาคธุรกิจของไทย แต่ด้วยความมุ่งมั่น และความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ บีแลนด์จึงมั่นใจว่าจะยังคงเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแรงต่อไป นายซุยฮัง (ปีเตอร์) กาญจนพาสน์ รองประธานกรรมการบริษัท และกรรมการบริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ในปีที่ผ่านมา หน่วยทรัสต์ของกองทุนเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อิมแพ็คโกรท ซึ่งถือโดยบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์จำกัด จำนวน 741,250,000 หน่วย มูลค่าตามราคาทุนสุทธิที่บันทึกไว้เป็น 10.60 บาทต่อหน่วย มูลค่ารวม 7,857 ล้านบาท ซึ่งแสดงไว้ในรายงานประจำปีนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 ราคาตลาดต่อ หน่วยปิดที่ 21.60 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 103.8 รวมถึงบริษัทได้มีการขายที่ดิน (ศรีนครินทร์) เพิ่มเติมให้กับบุคคลที่ไม่มี ความเกี่ยวข้องกันรวมทั้งสิ้น 14,997 ล้านบาท ที่ดินที่ได้ทำการโอนไปแล้วรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 11,032 ล้านบาท และ ยังคงเหลือที่ดินที่ยังไม่ได้โอนคิดเป็นมูลค่า 3,965 ล้านบาท" ผลประกอบการ ณ วันสิ้นสุดปีการเงิน 31 มีนาคม 2562 กลุ่มบริษัทรายงานผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจในงบการเงินรวมจำนวน 1,356 ล้านบาท และกำไรสุทธิหลังหักรายการพิเศษและภาษีเป็น 1,816 ล้านบาท ฐานะการเงินของกลุ่มบริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแรงยิ่งขึ้น ดังมีรายละเอียดยืนยันดังนี้ - มูลค่าสินทรัพย์สุทธิหลังปรับปรุงลดลง 2.5% เป็น 50,068 ล้านบาท (ปี 2561 - 51,327 ล้านบาท) - มูลค่าสินทรัพย์สุทธิหลังปรับปรุงต่อหุ้นลดลง 2.5% เป็น 2.69 บาทต่อหุ้น (ปี 2561 - 2.76 บาทต่อหุ้น) - กำไรสุทธิในส่วนของบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้น 47.5% เป็น 1,816 ล้านบาท (ปี 2561 - 1,231 ล้านบาท) - กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 48.5% เป็น 0.098 บาท (ปี 2561 - 0.066 บาทต่อหุ้น) - สินทรัพย์รวมลดลง 2.2% เป็น 64,237 ล้านบาท (ปี 2561 - 65,765 ล้านบาท) - ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 3.3% เป็น 46,822 ล้านบาท (ปี 2561 - 48,440 ล้านบาท) จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวคอสโม บาซาร์ ช้อปปิ้ง มอลล์ เฟส 1 และได้เปิดเฟสที่ 2 ในไตรมาสแรกของปี 2562 ได้อย่างเสร็จสมบูรณ์เป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้ โดยมีร้านค้าเช่าเต็มพื้นที่ พื้นที่ เช่าที่เพิ่มขึ้นนี้ ประกอบไปด้วย โรงภาพยนตร์ขนาด 5 โรง ดำเนินการโดย เอส เอฟ ซีนีมา แม็กซ์แวลู ซุปเปอร์มาร์เกตขนาดใหญ่ที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ดำเนินการโดย อิออน ศูนย์ออกกำลังกายเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ในนาม Jetts 24 Hour Fitness รวมไปถึงร้านอาหารและร้านค้าต่าง ๆ ชั้นนำที่มีชื่อเสียงมากมาย โดย "คอสโม บาซาร์" ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดียิ่งจากผู้พักอาศัยในพื้นที่ พนักงานในสำนักงานต่าง ๆ ผู้มาเยือน จากพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งผู้ที่มาเข้าร่วมประชุมหรือมาชมงานแสดงสินค้า และการแสดงคอนเสิร์ตที่ อิมแพ็ค จากความสำเร็จของ "คอสโม บาซาร์" ได้เพิ่มมูลค่าให้แก่ที่ดินโดยรอบพื้นที่ และเพิ่มความต้องการในพื้นที่พักอาศัย และพื้นที่สำนักงานในละแวกใกล้เคียงอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทจะยังคงแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ของเมืองทองธานีที่เชื่อมันว่าการพัฒนาอย่างมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครซึ่งเราได้สร้างสรรไว้ในเมืองทองธานีตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ที่จะพยายามพัฒนาเมืองทองธานีอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไป "ภายใต้ภาวะแวดล้อมที่ไม่แน่นอนทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองในปัจจุบัน ผมคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะประสบภาวะความยากลำบากในปีต่อจากนี้ไป อย่างไรก็ตาม ด้วยการปลอดภาระหนี้สินใด ๆ และฐานะทางการเงินที่มั่นคงของบริษัท ประกอบกับการดำเนินธุรกิจที่เข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ บางกอกแลนด์ จะยังคงยืนหยัดอยู่ได้ท่ามกลางแรงกดดัน และสิ่งท้าทายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากความสับสนวุ่นวายทางการเมืองและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ในปีต่อจากนี้ไป บริษัทจะยังคงสานต่อการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างฐานะของบริษัทให้มั่นคงยิ่งขึ้นไป รวมถึงจะสานต่องาน เพื่อให้โครงการต่าง ๆ เสร็จสมบูรณ์ และติดตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อแสวงหาโอกาสที่ดีที่สุดในการเปิดโครงการใหม่ของบริษัทต่อไปในอนาคต" นายซุยฮัง กล่าวสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ