กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--กลุ่มเซ็นทรัล ตลอดปี 2550 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยโดยรวมสามารถขยายตัวได้ดีกว่าปี 2549 เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการส่งออกที่ยังสามารถขยายตัวได้ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องตลอดปี ในขณะที่การใช้จ่ายภายในประเทศโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่เร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาสที่สามต่อเนื่องถึงไตรมาสที่สี่ เมื่อทราบแน่ชัดว่าจะมีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรในปลายปี นอกจากนี้การใช้จ่ายของรัฐบาลซึ่งมีการเร่งรัดการใช้เบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินของทางราชการส่วนต่างๆ ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่การลงทุนภาคเอกชนยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีโดยทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ 84.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2550 ซึ่งอยู่สูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นหลายเท่าตัว อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ และสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ณ สิ้นปีงบประมาณ 2550อยู่ที่ร้อยละ37.8 ซึ่งนับว่าต่ำมาก ปกติกรอบความยั่งยืนทางการคลังจะอยู่ที่ร้อยละ50 แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลกและดัชนีความเชื่อมั่นของภาคประชาชนยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้กลุ่มเซ็นทรัลต้องปรับกลยุทธ์แผนธุรกิจหลายครั้งให้รองรับกับปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพื่อให้กลุ่มธุรกิจต่างๆสามารถผ่านพ้นความผันแปร สามารถสร้างความเจริญเติบโตให้กับกลุ่มเซ็นทรัลและประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง การกำหนดนโยบายต่างๆ ภายใต้คณะกรรมการบริษัท ซึ่งมีคุณวันชัย จิราธิวัฒน์เป็นประธาน และภายใต้การบริหารงานและกำกับดูแลของคณะกรรมการบริหาร ซึ่งมีคุณสุทธิชัย จิราธิวัฒน์ เป็นประธานกรรมการบริหาร คุณสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์เป็นรองประธานกรรมการบริหาร และกรรมการบริหารอีก 4 ท่านคือ คุณสุทธิชาติ จิราธิวัฒน์ คุณสุทธิศักดิ์ จิราธิวัฒน์ คุณสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ และคุณปริญญ์ จิราธิวัฒน์ กลุ่มเซ็นทรัลแบ่งธุรกิจออกเป็น 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ( Core Business) ได้แก่ 1) กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ( Retail Business = CRC ) 2) กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ( Real Estate = CPN ) 3) กลุ่มธุรกิจค้าส่ง (Trading & Marketing = CMG ) 4) กลุ่มธุรกิจโรงแรม( Hotels = CHR) 5) กลุ่มเซ็นทรัลเรสตอรองส์กรุ๊ป( Food = CRG ) ผลการประกอบการในปี 2550 เป็นดังนี้ 1) ยอดขายของกลุ่มมีทั้งสิ้น 95,400 ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 5 แยกเป็น 1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (CRC) มีอัตราการเติบโตร้อยละ 4 2. กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ( CPN ) มีอัตราการเติบโตร้อยละ14 3. กลุ่มธุรกิจค้าส่ง ( CMG ) ไม่มีอัตราการเติบโต 4. กลุ่มธุรกิจโรงแรม( CHR) มีอัตราการเติบโตร้อยละ 18 5. กลุ่มเซ็นทรัลเรสตอรองส์กรุ๊ป( CRG ) มีอัตราการเติบโตร้อยละ 4 สาเหตุหลักที่ทำให้ยอดขายต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในสถานการณ์ปกติ เนื่องจากปัจจัยและสถานการณ์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นในการบริโภคของประชาชนที่ยังไม่เติบโตเต็มที่และภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น เนื่องจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันตลอดปีอย่างต่อเนื่อง ทำให้กำลังซื้อโดยทั่วไปลดลง แต่ทางกลุ่มค้าปลีกก็ยังสามารถมีการเติบโตได้ที่ร้อยละ 4 และจากนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจังต่อเนื่องของรัฐบาลและเอกชน ทำให้กลุ่มธุรกิจโรงแรมมีการเติบโตถึงร้อยละ18 ซึ่งกล่าวได้ว่าจากผลของการปรับตัวของกลุ่มอย่างทันเหตุการณ์จึงทำให้ยอดขายในปีนี้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ 2) การลงทุนของกลุ่มรวมทั้งสิ้น 12,000 ล้านบาท ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 19,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจหลักดังนี้ 1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (CRC) มีการลงทุน 4,200 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35 2. กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ( CPN ) มีการลงทุน 4,800 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 40 3. กลุ่มธุรกิจค้าส่ง ( CMG ) มีการลงทุน 100 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1 4. กลุ่มธุรกิจโรงแรม( CHR)มีการลงทุน 2,600 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 5. กลุ่มเซ็นทรัลเรสตอรองส์กรุ๊ป( CRG ) มีการลงทุน 300 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2 โดยภาพรวมแล้วธุรกิจหลักของกลุ่มมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้เล็กน้อย เนื่องจากภาวะราคาน้ำมันทำให้การบริโภคของประชาชนไม่สูง แต่หลังทราบทิศทางการเมืองที่มีการเลือกตั้งในปลายเดือนธันวาคม 2550 ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจและกล้าที่จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นประกอบกับในช่วงเทศกาลปลายปีซึ่งประชาชนมักนิยมซื้อสินค้ากันเป็นประจำ นอกจากนี้ การจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่มีมากเป็นพิเศษในปีนี้มีส่วน ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยสินค้าของประชาชนอีกด้วย แต่ก็มาถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ อเมริกา ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก สภาพโดยรวมเศรษฐกิจปี 2551 แนวโน้มเศรษฐกิจปี2551 เชื่อมั่นว่าอุปสงค์ภายในประเทศ ทั้งในส่วนของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นนับจากครึ่งปีหลังของปี 2550 และหนุนโดยความเชื่อมั่นในประเทศที่น่าจะดีขึ้นตามภาวะการเมืองที่มีแนวโน้มพัฒนาไปในทางบวก แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องที่อาจทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวโดยการลดต้นทุนค่าจ้างแรงงานซึ่งจะส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และกระทบต่อการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศในระยะต่อไป ส่วนแนวโน้มการส่งออกไทยอาจชะลอลงบ้าง แต่น่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ 10-11% ซึ่งการส่ง ออกที่ชะลอลงกว่าปี 2550 นั้น เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงเนื่องจากภาวะชะลอตัวด้านเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้แม้ว่าการส่งออกและการใช้จ่ายภาครัฐอาจจะชะลอลงบ้างทว่าปัจจัยสนับสนุนที่มีอิทธิพลสูงอย่างการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนในประเทศ จะช่วยชดเชยภาวะดังกล่าวได้ และน่าจะหนุนให้เศรษฐกิจไทยปี 2551 เร่งตัวขึ้นได้เมื่อเทียบกับปี 2550กล่าวคือจะขยายตัวได้ที่ 5% เป้าหมายธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลปี 2551 กลุ่มเซ็นทรัลคาดว่าธุรกิจในกลุ่มน่าจะมี อัตราการเติบโตในปี 2551 ที่อัตราร้อยละ 9 มียอดขายทั้งกลุ่มที่ประมาณไว้ 103,600 ล้านบาทโดยแยกเป็น:- 1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (CRC) มีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 7 2. กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ( CPN ) มีอัตราการเติบโตประมาณ ร้อยละ 13 3. กลุ่มธุรกิจค้าส่ง ( CMG ) มีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 7 4. กลุ่มธุรกิจโรงแรม( CHR)มีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 30 5. กลุ่มเซ็นทรัลเรสตอรองส์กรุ๊ป( CRG ) มีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 12 ในปี 2551 กลุ่มเซ็นทรัลมีแผนการลงทุนในโครงการต่างๆด้วยงบลงทุน ไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจหลักคือ 1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (CRC) มีการลงทุน 5,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33 2. กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ( CPN ) มีการลงทุน 6,000 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 40 3. กลุ่มธุรกิจค้าส่ง ( CMG ) มีการลงทุน 130 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1 4. กลุ่มธุรกิจโรงแรม( CHR)มีการลงทุน 3,500 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23 5. กลุ่มเซ็นทรัลเรสตอรองส์กรุ๊ป( CRG ) มีการลงทุน 370 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3 กลุ่มเซ็นทรัลคาดว่าธุรกิจในกลุ่มปี 2551 จะมียอดขายประมาณ 103,600 ล้านบาท ภายใต้สมมุติฐานว่าสถานการณ์ต่างๆเป็นไปตามปกติ ระบบการเมืองมีความสงบ ประเทศชาติมั่นคง ไม่มีภัยธรรมชาติขนาดใหญ่เกิดขึ้นกว่าที่เกิดโดยทั่วไป กลุ่มเซ็นทรัลเชื่อว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นงบลงทุนขนาดใหญ่ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้เกิดการ จ้างงานและเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตไปได้ด้วยความมั่นคง ความรับผิดชอบของธุรกิจต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ในการดำเนินงาน Corporate Social Responsibility นั้น ได้กำหนดเป็นนโยบาย ให้ผู้บริหารทุกระดับตลอดจนพนักงานบริษัทในเครือทุกคน ให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานควบคู่กันไปกับการประกอบธุรกิจด้วย โดยมีแผนการดำเนินงานหลักที่สำคัญประกอบด้วย 1. การถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 2. ด้านศาสนา-วัฒนธรรม-ประเพณี 3. ด้านการศึกษา 4. ด้านการกีฬา 5. ด้านสิ่งแวดล้อม 6. ด้านสาธารณประโยชน์อื่นๆ ผลการดำเนินงานที่สำคัญในปี 2550 มีดังนี้ การถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ - ได้ดำเนินการทูลเกล้าฯ ถวายเงินแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อทรงใช้ในโครงการหลวงและโครงการศิลปาชีพฯ - ได้น้อมเกล้าฯ ถวายรถรับบริจาคเคลื่อนที่ขนาดเล็กจำนวน 5 คัน แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีมอบให้ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ - การบริจาคเงินสนับสนุน โครงการรวมใจภักดิ์รักในหลวงให้กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ - การจัดกิจกรรมการลงนามถวายพระพร 12 สิงหาคมและ 5 ธันวาคม ในสถานประกอบการของบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล - การจัดทำกิจกรรมทำดีเพื่อพ่อถวายเป็นพระราชกุศล - การจัด โครงการบริจาคโลหิต “6 ล้านซีซี เทิดไท้องค์ราชัน” ถวายเป็นพระราชกุศลซึ่งได้เกินเป้าหมายได้ถึง 8.7 ล้านซีซี - โครงการขายพวงกุญแจ”เรารักในหลวง” นำรายได้ทูลเกล้าฯ ถวายให้กับมูลนิธิพระดาบส - การนำพนักงานไปร่วมลงนามถวายพระพรฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช - การทูลเกล้าถวายเงินให้มูลนิธิพระดาบสเพื่อจัดทำอาคารเรือนโรงประมงและเกษตรพร้อมลานเอนกประสงค์ ณ โครงการลูกพระดาบส จังหวัดสมุทรปราการ ด้านการศึกษา - ได้สนับสนุนเงินสร้างโรงอาหารขนาด 300 ที่นั่งให้กับโรงเรียนสะเมิงพิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่ - มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ผ่านกระทรวงศึกษาธิการ - จัดกิจกรรมแข่งขันสร้างนักการตลาดรุ่นเยาว์แก่นิสิตนักศึกษา”โครงการ Central Group Junior Marketeer ครั้งที่ 2 - มอบทุนการศึกษาให้กับบุตรพนักงานและตัวพนักงานของบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล - การพัฒนาห้องสมุดและห้องพยาบาลโรงเรียนวัดพระงาม จังหวัดอยุธยา - การจัดกิจกรรม”HomeWorks พบน้องสถาปัตย์” เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับสถานศึกษา - การจัดกิจกรรม โครงการพี่จูงน้อง - การก่อสร้างอาคารเรียนฉลิมพระเกียรติและสร้างรั้วโรงเรียนบ้านคลองม่วง จังหวัดกระบี่ซึ่งได้รับภัยสึนามิ ด้านการกีฬา - ได้สนับสนุนอุปกรณ์การกีฬาให้กับกรุงเทพมหานคร เพื่อให้เยาวชนได้ออกกำลังกาย ด้านสาธารณะประโยชน์อื่นๆ - การบริจาคผ้าห่ม ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนนำผ้าห่มไปแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว - กิจกรรมช่วยเหลือเกษตรกร บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด (Central Food Hall, Tops Market Place, Tops Supermarket) ได้รับสินค้าจากเกษตกรมาจำหน่าย รวมทั้งการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ จัดงาน อาทิ ร่วมกับกับพาณิชย์จังหวัด9 จังหวัดภาคตะวันออก จัดงาน”เทิดไท้ 80 พรรษา มหัศจรรย์ผลไม้ไทยของดีล้ำค่า 9 จังหวัดภาคตะวันตก” - ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ในการจำหน่ายสินค้าปลอดสารพิษ - ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดงาน “ข้าวหอมมะลิไทย หอมไกลทั่วโลก รางวัลจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ประกอบไปด้วย - บริษัทในเครือโรงแรมและ รีสอร์ท ได้รับรางวัล Best Local Hotel Chain จากงาน 18th TTG TRAVEL AWARDS 2007 - ห้างโรบินสันเข้ารับรางวัล”นักบริหารดีเด่นแห่งปี ด้านธุรกิจค้าปลีก จากหนังสือเส้นทางไทย, - บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ รับรางวัล “The World’s Greatest Food Retailers จากนิตยสาร เดอะโกรเซอร์ - บริษัทเซ็นทรัล ฟู้ดรีเทลจำกัด รับรางวัล Trusted Brand จากนิตยสาร ลีดเดอร์ ไดเจสท์เป็นปีที่ 2 ติดต่อ, ห้างโรบินสันเข้าเฝ้ารับประทานประกาศเกียรติคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี จากความร่วมมือจัดหาโลหิตเป็นหมู่คณะ, และบริษัทในเครือโรงแรมรับรางวัลจากกระทรวงแรงงานและมูลนิธิใบไม้เขียว รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ คุณวรรณา ธรรมร่มดี บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด โทร 081-9125203,02-2540899