นักโภชนาการชี้การบริโภคน้ำมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของสุขภาพอีกต่อไป ถ้ารู้จักเลือกน้ำมันก็สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพได้

ข่าวทั่วไป Wednesday February 20, 2008 08:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--คอมมูนิเคชั่น แอนด์ มอร์
“ไขมัน” อาหารจำเป็นต่อร่างกายที่ให้พลังงานและความอบอุ่น อาหารแทบทุกชนิดที่ผลิตออกมามีไขมันเป็นส่วนประกอบมากน้อยแตกต่างกันไป ไขมันทั้งจากพืชและสัตว์ เป็นแหล่งพลังงาน ให้กรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยการดูดซึมและเก็บสะสมวิตามินที่ละลายในไขมัน คือ วิตามิน เอ ดี อี และเค และอาหารไขมันยังมีบทบาทสำคัญต่อหัวใจการทำงานของสมอง แต่การบริโภคอาหารที่มีไขมันมากเกินไป จะทำให้อ้วนและเกิดโรคอื่นๆ ที่มากับโรคอ้วนตามมาได้และปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะมองอาหารไขมันเป็นวายร้ายของสุขภาพ
อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพประเทศสหรัฐอเมริกาผู้ให้การปรึกษาด้านโภชนบำบัด แนะว่า การรับประทานอาหารไขมันน้อยลงก็นับว่าดีต่อสุขภาพ แต่ไม่ควรงดอาหารไขมันซะทีเดียว เพราะจะทำให้ร่างกายขาดกรดไขมันจำเป็นบางตัวไป เพราะตามหลักโภชนาการดีนั้นร่างกายเราควรได้รับอาหารครบทุกหมวดหมู่ ไม่เว้นแม้แต่ไขมัน แต่ควรจะรู้จักหลักในการเลือกบริโภคไขมันอย่างถูกต้อง ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมสุขภาพอีกทางหนึ่ง
“ปัจจุบันข้อมูลการวิจัยเปิดเผยว่าไขมันทุกชนิดไม่เหมือนกัน หรือไขมันทุกชนิดไม่เลวไปซะหมดอย่างที่เคยเข้าใจกัน ความจริงก็คือไขมันจะมีทั้งชนิดดีและชนิดที่ให้โทษต่อสุขภาพ และการเลือกบริโภคไขมันชนิดดีในปริมาณที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงไขมันไม่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรค น้ำมันที่เราใช้ปรุงอาหารในชีวิตประจำวันจึงมีบทบาทสำคัญต่อการดูแลสุขภาพ น้ำมันที่มีองค์ประกอบของกรดไขมันในสัดส่วนที่ดีที่นิยมใช้กันในปัจจุบันในต่างประเทศ ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า น้ำมันเมล็ดองุ่น และน้ำมันเมล็ดชา”
โดยเฉพาะ “น้ำมันเมล็ดชา” เป็นน้ำมันที่ได้รับสมญาว่าเป็น “น้ำมันมะกอกแห่งตะวันออก” เพราะจากการศึกษาวิจัยของวิทยาศาสตร์การอาหารล่าสุด พบว่า น้ำมันเมล็ดชามีสัดส่วนของกรดไขมันชนิดต่างๆ ในปริมาณที่ดีที่ไม่ด้อยไปกว่าน้ำมันมะกอก ซึ่งประโยชน์ดีๆ ของน้ำมันเมล็ดชา เช่น มีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวในรูปของกรดโอเลอิก (โอเมก้า 9) สูงถึง 88% มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งในกลุ่มโอเมก้า 6 ประมาณ 13-28% และ มีกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า3 ในรูปของกรดไลโนเลนิค ประมาณ 1-3% ไม่มีกรดไขมันทรานซ์ มีวิตามินอีสูง โดยที่วิตามินอีสูงจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงมีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานของน้ำมันให้นานขึ้น
นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี และดี มีสารแคททีชินซึ่งเป็น สารโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงคือ ซึ่งสามารถช่วยลดระบบของแอลดีแอล(คอเรสเทอรอลที่ไม่ดี)ในร่างกายได้ จึงช่วยป้องกันหลอดเลือดตีบตัน และป้องกันการอักเสบของเนื้อเยื่อ น้ำมันเมล็ดชามีสารแคททีชินสูงน้ำมันเมล็ดชา ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่น่าสนใจ คือ มีจุดเดือดเป็นควันสูงถึง 252 องศาเซลเซียส หรือ 486 องศาฟาเรนไฮต์ จึงใช้ประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนสูงมากๆ เช่น การทอดได้โดยไม่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันที่มีจุดเดือดเป็นควันต่ำกว่า
“การปรุงอาหารเป็นสิ่งที่อยู่คู่ครอบครัวคนไทย สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการปรุงอาหาร หรือ ประกอบอาหารแต่ละมื้อ คือ น้ำมันที่จะต้องนำมาใช้ทั้งทอด ผัด หรือคลุกเคล้ากับอาหาร เป็นต้น การเลือกใช้น้ำมันจึงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ การที่น้ำมันเมล็ดชามีองค์ประกอบของกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง จึงช่วยลดระดับคอเลสเทอรอลไม่ดี (LDL) แถมยังช่วยเพิ่มคอเลส เทอรอลชนิดดี (HDL) ซึ่งเป็นไขมันที่มีประโยชน์ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดต่างๆ เช่น หัวใจ อัมพาต ฯลฯ” การที่น้ำมันเมล็ดชามีจุดเดือดเป็นควันสูง จึงช่วยลดการแตกตัวของน้ำมัน และการเกิดสารอื่นๆ ที่ล้วนก่อปัญหาสุขภาพได้
ปัจจุบัน มีการนำต้นชาคามิเลียมาปลูกที่ อ.แม่ฟ้าหลวง เพื่อการศึกษาในโครงการพัฒนาการปลูกชาน้ำมันเพื่อผลิตน้ำมันจากเมล็ดชาของมูลนิธิชัยพัฒนาตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อค้นคว้าหาสายพันธุ์ที่เหมาะสมในการปลูกที่ประเทศไทยต่อไป อ.ศัลยา กล่าวทิ้งท้ายว่า “แม้น้ำมันเมล็ดชายังไม่เป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากนัก แต่ด้วยองค์ประกอบของกรดไขมันที่มีสัดส่วนเหมาะสมทัดเทียมน้ำมันมะกอก จึงให้คุณประโยชน์ที่จะช่วย ป้องกันโรคร้าย และเสริมสุขภาพหากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี
สำหรับผู้ที่ห่วงใยสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน ฯลฯ การดูแลสุขภาพในยุคปัจจุบัน นอกจากอาหารหลัก 5 หมู่ในสัดส่วนที่สมดุลแล้วการเลือกใช้น้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีสูง โดยเฉพาะกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง มีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ ไขมันทรานซ์ต่ำ ควบคู่กับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ หมั่นดูแลน้ำหนักตัวจะช่วยให้มีสุขภาพดีไปตลอด”
*สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร 0-2718-3800 ต่อ 132, 136

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ