เอไอจี ประเทศไทย สานต่อโครงการ “กันน็อคให้น้อง” ปีที่ 7 ร่วมฉลองเอไอจี 100 ปี มอบหมวกกันน็อคให้โรงเรียน 100 แห่งทั่วประเทศ

ข่าวทั่วไป Thursday September 5, 2019 11:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ก.ย.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น กลุ่มบริษัทเอไอจีประเทศไทย ผู้นำด้านธุรกิจประกันวินาศภัยระดับโลก มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้ลูกค้า ควบคู่การทำกิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้แนวคิด Make the world a safer place หรือ สร้างสรรค์โลกให้ปลอดภัยกว่าเดิม ล่าสุด เอไอจี ประเทศไทย ได้สานต่อโครงการ "กันน็อคให้น้อง" ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยร่วมฉลองในโอกาสที่เอไอจีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาดำเนินกิจการครบ 100 ปี ด้วยการส่งมอบหมวกกันน็อคให้กับนักเรียนในโรงเรียนทั่วประเทศ 100 โรงเรียน นายอิศรศักดิ์ เทศรัตนวงศ์ ประธานคณะผู้บริหารและประธานกลุ่มบริษัทเอไอจี ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีเด็กไทยมากกว่า 2 ล้านคนที่เดินทางไปโรงเรียนโดยรถจักรยานยนต์ ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีเด็กเพียง 7% เท่านั้นที่สวมหมวกกันน็อค ซึ่งเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูง นอกจากนี้ รายงานจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังระบุว่าในปี 2556 อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนของไทยสูงติดอันดับ 2 ของโลก และอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนที่สูงสุดมาจากรถจักรยานยนต์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ เอไอจี ได้ริเริ่มโครงการ "กันน็อคให้น้อง" มาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายร่วมดูแลสังคมและชุมชนที่เอไอจีดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิด "Make the world a safer place" หรือ "สร้างสรรค์โลกให้ปลอดภัยกว่าเดิม" โดยโครงการ "กันน็อคให้น้อง" ได้ร่วมมือกับชมรมคนห่วงหัว ในมูลนิธิเมาไม่ขับ รณรงค์ให้ความรู้ และส่งเสริมให้นักเรียน ครู ผู้ปกครอง เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อค อีกทั้งยังจ้างงานผู้พิการ ซึ่งเป็นบุคคลซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จนเกิดภาวะพิการตลอดชีวิต มาเป็นฑูตห่วงหัว ซึ่งจะสามารถบอกกล่าวกับชุมชนให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่า หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย ผลที่ได้จะเป็นอย่างไร โดยตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ได้บริจาคหมวกกันน็อคไปแล้วกว่า 35,000 ใบ ใน 25 จังหวัด ทั่วประเทศ จากความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงที่จะสร้างสังคมที่ปลอดภัยในการเดินทางให้กับเด็กๆและเยาวชน ทำให้เอไอจี ได้รับรางวัล Prime Minister Road Safety Award 2017 ในหมวดองค์กรแบบอย่างด้านความปลอดภัยบนถนน จากศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ซึ่งเอไอจีนับป็นบริษัทเอกชนเพียงรายเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ "ในปีนี้ เรายังคงเดินหน้าสานต่อโครงการกันน็อคให้น้อง เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยให้กับเด็กไทย ลดอุบัติเหตุและอัตราการเสียชีวิตจากการขับขี่รถจักรยานยนต์บนท้องถนน ซึ่งข้อมูลล่าสุดจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ในปี 2561 อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนของไทยลดลงจากอันดับ 2 ของโลก อยู่ที่อันดับ 9 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี สำหรับความพิเศษของโครงการในปีนี้ คือ เราจะมอบหมวกกันน็อคให้นักเรียนทั่วประเทศ รวม 10,000 ใบ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสที่เอไอจีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาดำเนินกิจการครบรอบ 100 ปี โดยจะพิจารณาเลือกโรงเรียนที่อยู่ในจังหวัดที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตจากการขับขี่จักรยานยนต์สูง ซึ่งขณะนี้ได้ทยอยส่งมอบหมวกกันน็อคให้โรงเรียนต่างๆ แล้ว โดยล่าสุดได้ร่วมกับเทศบาลจังหวัดนครราชสีมา ส่งมอบหมวกกันน็อคให้กับเด็ก ๆ และเยาวชนในจังหวัดนครราชสีมา" นายอิศรศักดิ์ กล่าว นายอิศรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "เป็นที่น่ายินดีที่โครงการกันน็อคให้น้องทำให้นักเรียนและชุมชนเห็นความสำคัญในการใส่หมวกกันน็อคเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เอไอจี จะยังเดินหน้าสานต่อโครงการนี้ต่อไป เพราะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการให้ความรู้ความเข้าใจถึงอันตรายของอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมทั้งต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็ก รวมไปถึงคุณครู และผู้ปกครอง ด้วย เพราะถึงแม้จะมีหมวกกันน็อคแล้ว แต่สิ่งที่ยากกว่าคือจะทำอย่างไรให้เขาสวมหมวก" เกี่ยวกับเอไอจี เอไอจี เป็นผู้นำด้านธุรกิจประกันวินาศภัยระดับโลก ที่มีผลิตภัณฑ์ และการบริการที่มีความหลากหลายมากที่สุด ด้วยประสบการณ์อันยาวนานถึง 100 ปี และดำเนินธุรกิจกว่า 80 ประเทศ และเขตการปกครองทั่วโลก มีการลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์ การให้บริการและการจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุมสูงสุดเพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า รวมไปถึงมีความชำนาญด้านการบริการ สินไหมทดแทน และความแข็งแกร่งทางการเงินที่ยอดเยี่ยม เอไอจีจึงช่วยให้ลูกค้าภาคธุรกิจ และลูกค้ารายย่อย สามารถรับมือกับความเสี่ยงได้อย่างมั่นใจ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอไอจี ประเทศไทย โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.aig.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ