มาร์เก็ตติ้ง อินเทลลิเจ้นท์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “Empro Baby Choice”

ข่าวทั่วไป Monday February 25, 2008 14:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
มาร์เก็ตติ้ง อินเทลลิเจ้นท์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “Empro Baby Choice” อาหารเสริมบิสกิตสำหรับทารกและเด็กเล็กนำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ เน้นเจาะกลุ่ม คุณแม่ยุคใหม่ พร้อมชูจุดเด่นด้านคุณภาพ และประสบการณ์ หวังสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เล็งส่วนครองตลาดมากกว่า 50% ของกลุ่มอาหารเสริมบิสกิต
นายบรรเจิด พสุธารชาติ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทมาร์เก็ตติ้ง อินเทลลิเจ้นท์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “บริษัท มาร์เก็ตติ้ง อินเทลลิเจ้นท์ กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายและนำเข้าผลิตภัณฑ์ชั้นนำประเภทต่างๆที่เข้าถึงแต่ละกลุ่มเป้าหมายมากมาย อาทิ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่อัน อัน จับกลุ่มเป้าหมายคนสูงอายุ, ผ้าอ้อมเด็กทีโน่, ผ้าทำความสะอาดผิวเด็กทีโน่ และผลิตภัณฑ์กาแฟ 3-in-1 ยี่ห้อโอลด์ ทาวน์ ไวท์ คอฟฟี่ แบรนด์กาแฟระดับพรีเมี่ยมจากประเทศมาเลเซีย ฯลฯ นอกจากนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทเพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมสุนัขสำเร็จรูปนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ มิกโก้ (Migco) ที่เน้นกลุ่มคนเลี้ยงสุนัขโดยเฉพาะอีกด้วย และล่าสุดบริษัทได้นำเข้าแบรนด์ “เอ็มโปร เบบี้ ช้อยส์” ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบิสกิตธัญพืชจากประเทศสิงคโปร์ ที่ช่วยเสริมพัฒนาการด้านการเคี้ยวของเด็กได้เป็นอย่างดีมาบุกตลาดในเมืองไทย ทั้งนี้เนื่องจากเราได้เล็งเห็นถึงช่องทางการตลาด และการศึกษาคู่แข่งในตลาดปัจจุบันของกลุ่มสินค้าดังกล่าวยังมีน้อย จึงคาดว่าแนวโน้มตลาดมีโอกาสที่จะขยายตัวไปได้อีกมากในอนาคต ประกอบกับอัตราการเกิดของประชากรทั่วประเทศไทยโดยเฉลี่ยในปัจจุบันสูงถึง 800,000 คนต่อปี นอกจากนี้ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับ โดยมียอดขายเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย ดังนั้นผู้บริโภคจึงไว้วางใจและเชื่อมั่นได้ถึงความปลอดภัย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของเราได้รับมาตรฐานการผลิต HACCP จากประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งยืนยันแล้วว่ามีความปลอดภัยต่อทารกและเด็กเล็กอีกด้วย”
กฤติรดา ธัญอธิภัทร ผู้จัดการผลิตภัณฑ์เอ็มโปร เบบี้ ช้อยส์ ในเครือบริษัท มาร์เก็ตติ้ง อินเทลลิเจ้นท์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์เอ็มโปร เบบี้ ช้อยส์ เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม บิสกิตจากธัญพืช นำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ เหมาะสำหรับทารกและเด็กเล็กอายุตั้งแต่ 6-8 เดือน ผลิตจากข้าวอบชั้นดี รสชาติกลมกล่อม ละลายในปากและย่อยง่าย สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ เอ็มโปร เบบี้ ช้อยส์นั้น จะเป็นอาหารที่ช่วยเสริมพัฒนาการสำหรับทารก ช่วยบริหารเหงือกและฟัน ของลูก ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดเหงือก ช่วยฝึกทักษะด้านการบดเคี้ยว การเรียนรู้รสชาติใหม่ๆ ฝึกพัฒนาการด้านการหยิบจับ ช่วยให้เด็กมีพื้นฐานการกินที่ดี นอกจากนี้ ยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่เด็กจะได้รับทั้งวิตามินบี 1, วิตามินบี 2, แคลเซียมและธาตุเหล็กอีกด้วย ราคาจำหน่ายกล่องละ 79 บาท โดย 1 กล่องจะบรรจุ 12 ห่อ (1 ห่อมี 2 ชิ้น) รสชาติสูตรออริจินัล โดยในอนาคตจะเพิ่มรสชาติ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวทางในด้านการตลาดของผลิตภัณฑ์เอ็มโปร เบบี้ ช้อยส์ เรามองว่าขณะนี้ยังไม่มี แบรนด์ใดเป็นผู้นำทางด้านการตลาดที่โดดเด่นและทำตลาดอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ และที่สำคัญยังถือเป็นจังหวะการเปลี่ยนพฤติกรรมของคุณแม่ยุคใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเรา ให้มองหาทางเลือกใหม่ที่ไม่เป็นอันตรายกับลูกวัย 6-8 เดือน เนื่องจากเด็กวัยนี้ จะเริ่มมีอาการคันเหงือก คันฟัน โดยสังเกตได้จากตุ่มนูนๆอยู่ข้างหน้า ก่อนที่ฟันกลางคู่แรกจะขึ้นมา และเมื่อเกิดอาการเช่นนี้ เด็กๆจะรู้สึกอยากขบเคี้ยวอะไรสักอย่าง จึงอาจจะหยิบจับสิ่งที่อยู่รอบๆตัวมาเคี้ยวได้
ซึ่งคุณแม่บางคนก็มักจะหาขนมขบเคี้ยว ของเล่นเด็กที่ทำจากยาง หรือจุกนมมาให้ลูกขบเคี้ยว แทน ซึ่งอาจส่งผลให้เด็กได้รับสารพิษ สารเคมี หรือเชื้อโรคที่อาจจะปนเปื้อนอยู่ในผลิตภัณฑ์ได้ เช่น สารพธลาเลส (Phthalates) ที่มีส่วนทำให้ป่วยเป็นโรคหอบหืด และโรคมะเร็งได้ เป็นต้น นอกจากนี้ยัง ไม่รวมถึงขนมขบเคี้ยวต่างๆ ที่จะทำให้เด็กติดรสหวาน เบื่ออาหารและอาจทำให้ฟันที่ขึ้นใหม่ผุได้ด้วย”
สำหรับกิจกรรมทางการตลาดในช่วงแรก บริษัทจะเน้นสร้างการรับรู้แก่กลุ่มเป้าหมายให้เล็งเห็นถึงประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อต่างๆที่เน้นกลุ่มแม่และเด็กเป็นหลัก รวมถึงการออกบูธเพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในงานสำหรับแม่และเด็กอาทิ งาน Thailand Baby & Kids Best Buy จัดกิจกรรมแจก Sampling ณ จุดขายให้กับกลุ่มเป้าหมายที่มาซื้ออาหารสำหรับเด็ก, ผ้าอ้อมเด็ก หรืออุปกรณ์ของเด็ก จัดกิจกรรมแจกตัวอย่างสินค้าให้กับ Nursery และแจกชุดของขวัญสำหรับคุณแม่ร่วมกับนิตยสารกลุ่มคุณแม่และเด็ก ฯลฯ นอกจากนี้ ยังวางแผนการตลาดในการกระจายสินค้าให้ ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อให้ผู้บริโภคหาซื้อได้ง่ายมากที่สุด โดยจะเน้นไปที่แผนกเด็ก ตามโรงพยาบาลต่างๆ, คลินิกเด็ก, เนอส์เซอรี่, ร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับเด็ก และ Tops ซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ และคาดว่าจะเพิ่มจุดจำหน่ายอีก 300 แห่งได้ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้บริษัทได้ ตั้งเป้าส่วนครองตลาดในปีแรก 50% ของกลุ่มอาหารเสริมบิสกิต และใช้งบประมาณด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการขายคิดเป็นร้อยละ 40 ของยอดขาย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ