เตรียมรับมือโรคแอนแทรคโนสในกาแฟ

ข่าวทั่วไป Friday November 22, 2019 16:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--กรมวิชาการเกษตร เพื่อเกษตรกร สภาพอากาศเย็นลง มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนตกบางพื้นที่ระยะนี้ กรมวิชาการเกษตร แนะให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟเฝ้าระวังการระบาดของโรคแอนแทรคโนส จะพบในระยะที่ต้นกาแฟเริ่มติดผลจนถึงระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต อาการที่ใบ พบได้ทั้งใบอ่อนและใบแก่ ลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาล เนื้อเยื่อกลางแผลตาย ถ้ารุนแรงแผลขยายขนาดเป็นแผลใหญ่ ทำให้ใบแห้งไหม้ทั้งใบ อาการที่กิ่ง จะพบบนกิ่งเขียวไหม้ ทำให้ใบเหลืองและร่วง กิ่งเหี่ยวและแห้งทั้งกิ่ง อาการที่ผล พบได้ทั้งผลอ่อนและผลแก่ เริ่มแรกผลจะมีจุดสีน้ำตาลเข้มหากรุนแรง จุดขยายรวมกันเป็นแผลรูปร่างไม่แน่นอน เนื้อเยื่อแผลยุบตัว กรณีพบที่ผลอ่อนจะทำให้ผลไม่พัฒนาเป็นเมล็ดและเปลี่ยนเป็นสีดำ แต่ผลยังคงติดอยู่บนกิ่งต้นกาแฟ ส่วนพบที่ผลแก่จะทำให้ผลสุกแก่เร็วขึ้น สำหรับต้นกาแฟในระยะติดผล เกษตรกรควรหมั่นสำรวจและป้องกันกำจัดมอดเจาะผลกาแฟอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากมอดเจาะผลกาแฟจะทำให้ผลเกิดบาดแผลที่เป็นช่องทางให้เชื้อราเข้าทำลายผลได้มากขึ้น จากนั้น เกษตรกรควรหมั่นตรวจแปลงปลูกและเก็บผล ตัดแต่งกิ่ง ใบ ดอก และส่วนที่เป็นโรคที่ร่วงอยู่ใต้ต้น นำไปทำลายนอกแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งควรรักษาระดับร่มเงาให้เหมาะสม เพื่อรักษาระดับความชื้นและช่วยป้องกันการเกิดโรค กรณีพบโรคเริ่มระบาดที่บริเวณใบ กิ่ง ดอก และผลอ่อน ให้เกษตกรพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เบโนมิล 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารแมนโคเซบ 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร และควรหยุดพ่นสารเมื่อผลกาแฟเริ่มแก่จนถึงระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต ภายหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตกาแฟเรียบร้อยแล้ว ให้เกษตรกรตัดแต่งกิ่ง ทรงพุ่ม ใบ และเก็บผลที่เป็นโรคไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อให้โล่ง โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก และแสงแดดลอดผ่านได้ จากนั้นให้ใส่ปุ๋ยบำรุงต้น เพื่อให้ต้นกาแฟมีความแข็งแรง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ