บล.ไอร่า ชี้สงครามการค้าสหรัฐ-จีนกดดันหุ้นไทยยางถึงปีหน้า แนะลงทุนหุ้น Domestic Play ชูกลุ่มท่องเที่ยวที่เข้า High Season

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 9, 2019 12:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ธ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บล.ไอร่า ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนธ.ค. มีแนวโน้มลงต่อ เหตุสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ยืดเยื้อถึงปี 2563 พร้อมจับตาปัจจัยในประเทศประชุม กนง. คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% พร้อมทั้งการทำ Window Dressing ปิดงบปี 2562 จึง ให้กรอบดัชนีแนวรับแรก 1,546 จุด แนวรับถัดไป 1,530 จุด ส่วนแนวต้านแรก 1,578 จุด แนวต้านถัดไป 1,608 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้น Domestic Play อาทิ กลุ่มท่องเที่ยวได้รับประโยชน์ช่วง High Season และหุ้นเด่นเดือนธ.ค. ชู ADVANC – AP – CPF – PTG - SEAFCO - SINGER ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทย ในช่วงเดือนธันวาคมว่ามีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยให้กรอบดัชนีแนวรับแรก 1,546 จุด แนวรับถัดไป 1,530 จุด ส่วนแนวต้านแรก 1,578 จุด แนวต้านถัดไป 1,608 จุด จากความกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่คาดยังมีความไม่แน่นอน เพราะการลงนามข้อตกลง "Phase I" ที่ก่อนหน้าปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณอาจยื้ดเยื้อถึงพ.ย.2563 ซึ่งเป็นช่วงเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯพอดี และการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 15% วงเงิน 156,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามกำหนดวันที่ 15 ธันวาคม 62 นี้ ซึ่งหากมีการเลื่อนออกไป คาดเป็นสัญญาณที่ดี คาดช่วยให้ข้อพิพาททางการค้าระหว่าง 2 ประเทศดีขึ้นตามลำดับ พร้อมคาดกลับมาเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่ม Global Play เช่น พลังงานและปิโตรเคมี รวมถึงหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น อิเลคทรอนิกส์ ทั้งนี้ยังคงต้องจับตาการประชุมเฟดในช่วงวันที่ 10-11 ธันวาคมนี้คาดว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ลดลงมาแล้ว 0.25% เมื่อการประชุมก่อนหน้า และส่งสัญญาณไม่ปรับลงในระยะสั้น และล่าสุด Bond Yield สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงต่อเนื่องนับจากต้นพฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งสัญญาณลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนประเด็นในประเทศ คาดในระยะสั้นอาจได้รับปัจจัยกดดันบ้างจากประเด็นการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะความกังวลเสถียรภาพของรัฐบาล อาจทำให้เม็ดเงินลงทุนทั้งจากต่างประเทศ และสถาบันในประเทศ ชะลอการลงทุน จึงแนะนำติดตามการประชุม กนง. ในวันที่ 18 ธันวาคม นี้ ซึ่งคาดว่าคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% พร้อมทั้งการทำ Window Dressing เพื่อปิดงบปี 2562 ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนในช่วงเดือนธันวาคม และ พรบ.งบประมาณปี 2563 คาดบังคับใช้ปลายเดือนมกราคม 2563 ได้ ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนโดยเน้นหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น (1) กลุ่มท่องเที่ยวที่ได้รับประโยชน์จากช่วง High Season ที่คาดต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/2563 และ (2) หุ้นที่มีความน่าสนใจเฉพาะตัว จากผลประกอบการปี2563 ที่เติบโตต่อเนื่อง ที่น่าสนใจและเป็นหุ้นแนะนำในเดือน ธ.ค. 2562 เช่น ADVANC, AP, CPF, PTG, SEAFCO และ SINGER เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ