MILL ยืนแถวหน้าผู้ผลิต-จำหน่ายเหล็กครบวงจรหลังเข้าเทคโอเวอร์'เหล็กบูรพาฯ'ถือหุ้น 85.10%

ข่าวทั่วไป Monday March 3, 2008 17:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--MILL
MILL สยายปีกรองรับธุรกิจเหล็กบูม ประกาศเข้าเทคโอเวอร์ เหล็กบูรพาฯ สัดส่วน 85.10% โดยเพิ่มทุนรองรับ 173 ล้านหุ้น แบ่งจัดสรรเป็น 3 ส่วน แลกกับหุ้นเหล็กบูรพาฯ สัดส่วน 1:1 จำนวน 25.86 ล้านหุ้น แบ่งขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจง 107.14 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท ที่เหลือรองรับหุ้นปันผลที่จ่ายในสัดส่วน 10 หุ้น MILL ต่อ 1 หุ้นปันผล พ่วงเงินสดอัตราหุ้นละ 0.012 บาท 'สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล' แจงประโยชน์จากการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดอัตราการสูญเสียในการผลิตลง ทั้งช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองกับเจ้า
ของวัตถุดิบและได้ขยายแนวรบสู่ภาคตะวันออก ประเมินหลังผ่านขั้นตอน ผถห.พร้อมรับรู้เป็นรายได้ทันที Q2/51 หนุนรายได้เติบโตก้าวกระโดดขึ้นมายืนแถวหน้าของวงการเหล็ก
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเหล็กรายใหญ่ของไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2551 ได้มีมติให้เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เหล็กบูรพา อุตสาหกรรม จำกัด (เหล็กบูรพา) จำนวน65,862,251 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 85.10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 5 บาท จากบริษัท ไทยแคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ TCC และ ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ของเหล็กบูรพา ได้แก่ นายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ นาย ชาน ยุน คิท (Chan YunKit) นายศิริวัฒน์ อนันต์คูศรี และ นางวัชรีย์ ฐิติภาณุเวช โดยแบ่งชำระค่าหุ้นออกเป็น 2 ส่วน
โดยส่วนแรกนำหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของบริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) ในอัตรา 1 หุ้นใหม่ของบริษัท ต่อ 1 หุ้นของเหล็กบูรพา รวมจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 25,862,251 หุ้น ชำระราคาแก่ผู้ถือหุ้นของเหล็กบูรพารวมทั้งสิ้น จำนวน 4 ราย ได้แก่ นายธิติพงศ์ ตั้งพูลผลวิวัฒน์ นายชาน ยุน คิท (Chan Yun Kit) นายศิริวัฒน์ อนันต์คูศรี และ นางวัชรีย์ ฐิติภาณุเวช และส่วนที่สองจะชำระเป็นเงินสด จำนวน 200 ล้านบาท ในการซื้อหุ้นจำนวน 40 ล้านหุ้น หรือ 51.68% จาก TCC
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการซื้อหุ้นและแลกหุ้นดังกล่าว คณะกรรมการได้มีมติให้ MILL เพิ่มทุนจำนวน 173,000,000 หุ้น โดยหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 107,137,749 หุ้น เสนอขายแก่ให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยกำหนดราคาขายหุ้นเพิ่มทุนในส่วนนี้ในราคา 5 บาท ต่อหุ้น ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาดซึ่งคำนวณโดยใช้ราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ย้อนหลัง 15 วันทำการก่อนวันที่คณะกรรมการมีมติ (7 ก.พ.- 28 ก.พ. 2551) ซึ่งเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายหุ้นในส่วนนี้นำไปชำระค่าหุ้นเหล็กบูรพาฯ 2.จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 25,862,251 หุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นของ เหล็กบูรพาฯ เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนหุ้น และ 3.เพื่อรองรับหุ้นปันผลที่ MILL จะจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นที่มีชื่อปรากฏอยู่บนสมุดทะเบียน ณ วันที่ 22 เมษายน 2551 เวลา 12.00 น.จำนวน 40,000,000 หุ้น ในสัดส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล
ผู้บริหาร MILL กล่าวต่อว่า การเทคโอเวอร์ เหล็กบูรพาฯ เนื่องจากเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจในช่วงที่ราคาเหล็กเป็นขาขึ้น และมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต เนื่องจากจะช่วยให้กำลังการผลิตของบริษัทฯเพิ่มขึ้นทันที สามารถรองรับกับความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มมากขึ้นได้อย่างคล่องตัว ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดอัตราการสูญเสียในการผลิตลง เนื่องจากการวางแผนแบ่งการผลิตตามประสิทธิภาพและความเหมาะสมของเครื่องจักร เพิ่มอำนาจการต่อรองกับผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบในการสั่งซื้อวัตถุดิบ ซึ่งจะทำให้สามารถลดต้นทุนของวัตถุดิบได้ และช่วยประหยัดค่าขนส่ง (Logistic Cost) ทั้งการขนส่งวัตถุดิบและจัดส่งสินค้า เนื่องจากทำเลที่ตั้งของเหล็กบูรพาอยู่ในจังหวัดระยอง สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ภาคตะวันออกได้ทันที ทั้งกลุ่มลูกค้าเดิม และลูกค้าของ มิลล์คอนฯ ด้วย
'หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 เมษายน 2551อนุมัติให้ MILL ทำรายการดังกล่าวได้ คาดว่าขั้นตอนต่างๆ จะเสร็จสิ้นลงภายในไตรมาสที่ 2/2551 และสามารถโอนรายได้จากเหล็กบูรพาฯ เข้ามารับรู้เป็นรายได้ของ MILL ได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2551 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ กลายเป็นผู้ประกอบการเหล็กรายใหญ่ระดับแนวหน้าของไทยทันที เพราะปัจจุบันกำลังการผลิตเต็มที่ของ MILL อยู่ที่ระดับ 5 แสนตันต่อปี ส่วนของเหล็กบูรพาอยู่ที่ระดับ 3 แสนตันต่อปี เมื่อรวมกันจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 8 แสนตันต่อปี ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่พอสมควร ส่วนเรื่องรายได้ในปัจจุบันเหล็กบูรพาฯ มีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท จากการใช้กำลังการผลิตเพียงประมาณ 15% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ในขณะที่คาดว่าในปีนี้ MILL จะมีรายได้ประมาณ 5 พันลบ. ดังนั้นถ้ารวมรายได้ของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน และหากสามารถใช้กำลังการผลิตของเหล็กบูรพาฯ ได้เพิ่มขึ้นก็จะทำให้รายได้เติบโตแบบกระโดดได้ชัดเจนและเชื่อว่าจะสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นของMILL สามารถเติบโตไปในทิศทางเดียวกันด้วย'นายสิทธิชัยกล่าวในที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณปภาดา สุวรรณกูฎ (ตุ้ย) TEL : 02-554-9396 / 085-133-0184

แท็ก เหล็ก   ปันผล  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ