มารู้จักสิ่งรบกวนที่ทำให้เสียสมาธิขณะขับรถในชีวิตประจำวัน พร้อมวิธีหลีกเลี่ยง

ข่าวยานยนต์ Tuesday January 14, 2020 15:36 —ThaiPR.net

มารู้จักสิ่งรบกวนที่ทำให้เสียสมาธิขณะขับรถในชีวิตประจำวัน พร้อมวิธีหลีกเลี่ยง กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์ แม้ว่าในปัจจุบันภาครัฐจะมีการบังคับใช้กฎหมายและข้อบังคับด้านการขับขี่เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิขณะขับขี่ เช่น การห้ามผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์มือถือในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวโดยไม่ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา ซึ่งผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 400 – 1,000 บาท เป็นต้น แต่ปัญหาการเสียสมาธิขณะขับขี่ก็ยังคงเป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทยอยู่ดี ถึงแม้ว่าเราจะเห็นผู้ขับขี่คุยโทรศัพท์หรือพิมพ์ข้อความขณะรอรถติดอยู่เป็นประจำ แต่โทรศัพท์ก็ไม่ได้เป็นสาเหตุและสิ่งรบกวนเดียวของการเสียสมาธิขณะขับรถ โดยในปัจจุบัน ผู้ขับขี่เกือบทุกรายเสียสมาธิขณะขับขี่โดยไม่รู้ตัว ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากความไม่เข้าใจว่าการเสียสมาธิขณะขับขี่คืออะไร และไม่รู้วิธีการหลีกเลี่ยง "อุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากการเสียสมาธิขณะขับรถเกือบทุกครั้งสามารถหลีกเลี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้" นางสาวกมลชนก ประเสริฐสม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย และตลาดอาเซียน กล่าว "เพียงแค่สร้างความตระหนักและทำความเข้าใจกับรูปแบบการขับขี่ที่อันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นจะช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้" สิ่งรบกวนสมาธิทั้ง 3 ประเภท สิ่งรบกวนที่ทำให้เสียสมาธิระหว่างการขับขี่มักถูกจัดอยู่ใน 3 ประเภท ดังต่อไปนี้ - สิ่งรบกวนทางจิตใจ ซึ่งรวมถึงกิจกรรมทุกกิจกรรมที่ทำให้จิตใจผู้ขับขี่ไขว้เขวจากถนน ตั้งแต่การพูดคุยกับผู้โดยสารไปจนถึงการหลุดไปในห้วงความคิดขณะฟังเพลงโปรดจากวิทยุ - สิ่งรบกวนทางสายตา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผู้ขับขี่ละสายตาจากถนน เช่น การมองโทรศัพท์ เช็คลูกๆ หรือการจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกขณะที่ขับรถผ่าน - สิ่งรบกวนที่เกิดขึ้นเอง เมื่อผู้ขับขี่ปล่อยมือจากพวงมาลัยไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เช่น แต่งหน้า กดปรับจีพีเอส หรือเอื้อมไปหยิบสิ่งของต่างๆ เมื่อพูดถึงพฤติกรรมที่ทำให้เสียสมาธิขณะขับรถ การพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์มือถือมักเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เนื่องจากการพิมพ์ข้อความได้รวมสิ่งรบกวนครบทั้ง 3 ประเภท ไว้ด้วยกัน จึงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายมากเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าการพิมพ์ข้อความขณะขับรถจะเป็นต้นเหตุและส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้นถึง 2 เท่า แต่การพิมพ์ข้อความขณะขับรถกลับไม่ได้เป็นพฤติกรรมที่ทำให้เสียสมาธิขณะขับขี่ที่พบบ่อยมากที่สุดหรือพฤติกรรมการขับขี่ที่อันตรายมากที่สุด สิ่งรบกวนที่ทำให้เสียสมาธิแฝงอยู่ทุกที่ ถึงแม้ว่าคุณจะระมัดระวังและไม่เคยใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ แต่คุณเองอาจเป็นอีกคนที่เคยเสียสมาธิขณะขับรถทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวก็ตาม พฤติกรรมบางอย่างที่ผู้ขับขี่ทำทุกวันอาจทำให้เสียสมาธิโดยที่ผู้ขับขี่เองก็ไม่รู้ตัว พฤติกรรมที่ทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิที่พบบ่อย ได้แก่ - การเหม่อลอย เชื่อหรือไม่ว่าการเหม่อลอยเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิ ซึ่งพบบ่อยที่สุดและอันตรายที่สุด จากการศึกษากรณีการเกิดอุบัติเหตุรถชนในสหรัฐอเมริกา พบว่าร้อยละ 62 ของการเกิดอุบัติเหตุรถชนทั้งหมดเกิดจากการเหม่อลอย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุมากกว่าการคุยและการพิมพ์ข้อความถึง 5 เท่า - การรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่ม ขณะขับรถถือเป็นการรวบรวมสิ่งรบกวนหลากหลายประเภทในกิจกรรมเดียว และถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุถึงร้อยละ 80 นอกจากนี้ การดื่มเครื่องดื่มร้อนขณะขับรถยังเพิ่มความเสี่ยงในการทำน้ำร้อนหกใส่ตัวเองอีกด้วย - ความรู้สึกโกรธหรือเศร้า การขับรถในขณะที่อยู่ในสภาวะอารมณ์แปรปรวน สามารถเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุได้เกือบ 10 เท่า โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ที่มีสภาพการจราจรหนาแน่นและอากาศร้อนชื้น คงไม่ยากที่จะเห็นผู้คนอารมณ์แปรปรวนได้ การป้องกันไม่ให้เสียสมาธิขณะขับขี่ผ่านการอบรมส่งเสริมทักษะการขับขี่ปลอดภัย ถึงแม้ว่าการเสียสมาธิขณะขับขี่จะพบบ่อยกว่าที่คุณคิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหานี้จะแก้ไขไม่ได้ การเสียสมาธิขณะขับขี่สามารถป้องกันได้ด้วยการสร้างความตระหนักและการให้ความรู้ ซึ่งในปัจจุบัน ผู้ผลิตรถยนต์อย่าง ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ได้เดินหน้าช่วยแก้ไขปัญหาการเสียสมาธิขณะขับรถที่เกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีความปลอดภัย อย่าง ระบบสั่งงานด้วยเสียง Sync 3(C) ที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถโทรศัพท์และส่งข้อความโดยไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย ผู้ผลิตรถยนต์ยังแก้ปัญหาที่ต้นตอด้วยการให้จัดอบรมให้แก่ผู้ขับขี่มือใหม่ ภายใต้โครงการ Ford Driving Skills for Life (DSFL) หรือ 'ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย' โดยหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ขับขี่และป้องกันการเสียสมาธิขณะขับรถได้ "ที่ผ่านมา ฟอร์ด ประเทศไทย จัดอบรมส่งเสริมทักษะการขับขี่ปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่องกว่า 12 ปี ภายใต้โครงการ Ford Driving Skills for Life โดยได้จัดอบรมให้กับผู้ขับขี่ในประเทศไทยแล้วกว่า 13,000 คน" นางสาวกมลชนก ประเสริฐสม กล่าว "หลักสูตรอบรมการขับขี่อย่างปลอดภัยของเราได้สอนให้ผู้ขับขี่ตระหนักถึงสิ่งรบกวนที่อาจเกิดขึ้นขณะขับขี่ และส่งเสริมทักษะแก่ผู้ขับขี่เพื่อให้มีทักษะในการหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนขณะขับรถ เพื่อให้ถนนปลอดภัยขึ้นสำหรับทุกคน" ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Ford Driving Skills for Life (DSFL) หรือ 'ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย'ได้ที่ https://www.drivingskillsforlife.com/ ข้อมูลเกี่ยวกับฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจของบริษัท ได้แก่ การออกแบบ ผลิต ทำการตลาด และบริการหลังการขาย สำหรับรถยนต์ รถกระบะ รถเอสยูวี รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในแบรนด์ฟอร์ด และแบรนด์ลินคอล์น ซึ่งเป็นแบรนด์ในตลาดรถหรู รวมถึงให้บริการด้านการเงินผ่านบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต และบริษัทกำลังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และแผนการสัญจรอัจฉริยะ ฟอร์ดมีพนักงานรวมประมาณ 191,000 คนทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟอร์ด ผลิตภัณฑ์ของฟอร์ด และฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ www.corporate.ford.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ