6 พฤติกรรมผู้บริโภคก่อนตัดสินใจสร้างบ้าน

ข่าวทั่วไป Thursday May 26, 2005 14:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 พ.ค.--โอเอซิส มีเดีย ปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจส่วนใหญ่จะมีการทุ่มเม็ดเงินโฆษณาในปริมาณที่สูง เพื่อนำเสนอสินค้าที่ผลิตขึ้นมาต่อผู้บริโภค ขณะที่บริษัทหลายแห่งกลับไปเน้นด้านการโฆษณา รวมถึงการทำกิจกรรมด้านการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ มากเกินไป ซึ่งในช่วงแรกผู้บริโภคอาจจะให้ความสนใจ แต่ถ้าหากผู้บริโภคเข้ามาสัมผัสจริง ๆ แล้วกลับพบว่าสินค้านั้นไม่ตรงกับสิ่งที่โฆษณา หรือไม่พึงพอใจต่อการให้บริการ ก็อาจเกิดผลกระทบในระยะยาวได้ ในช่วงที่ผ่านมาสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ ธุรกิจรับสร้างบ้าน ต้องยอมรับว่าการโฆษณา และประชาสัมพันธ์เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น และมีบริษัทใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบางบริษัทจะเน้นที่การทำตลาดโดยใช้โฆษณาและประชาสัมพันธ์ออกไป แต่กลับลืมที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ควบคู่กันไปด้วยซึ่งถือว่าไม่เป็นผลดีในระยะยาว ยิ่งหากบริษัทนั้นเป็นบริษัทขนาดเล็ก และมีเงินทุนเพื่อทำการตลาดไม่สูง การเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยิ่งเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อมีการบอกต่อแบบปากต่อปาก ก็สามารถทำให้บริษัทสามารถที่จะเติบโตขึ้นมาได้ จากการทำการวิจัยของฝ่ายการตลาด บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการสร้างบ้านในอีก 5 ปีข้างหน้า อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล กลุ่ม C+ ถึง A พบว่า ส่วนใหญ่มีความต้องการบ้านที่มีคุณภาพผ่านปัจจัยหลัก 6 ประการก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหรือปลูกสร้างบ้าน โดยที่ไม่ได้นำการโฆษณา และประชาสัมพันธ์เข้ามาเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจ ซึ่งประกอบด้วย 1.วัสดุก่อสร้าง (Construction Material) โดยกลุ่มเป้าหมายให้น้ำหนักส่วนนี้มากถึง 90 % ซึ่งปัจจุบันวัสดุก่อสร้างเองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งการผลิตในประเทศ และการนำเข้าจากต่างประเทศ 2.การรับประกันคุณภาพ (Quality Guarantee) กลุ่มเป้าหมายให้ความสำคัญรองลงมาในสัดส่วน 89 % โดยในปัจจุบันบริษัทรับสร้างบ้านส่วนใหญ่มีการรับประกันคุณภาพต่างกันไป โดยเฉลี่ยจะมีตั้งแต่ 3-10 ปี 3.ทีมงาน และประสบการณ์ (Team Work and Experience) มีสัดส่วนความสำคัญ 82 % ซึ่งเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นในทีมงาน โดยเฉพาะบริษัทที่มีการให้บริการแบบครบวงจรมีทีมงานสถาปนิก และวิศวกรประจำคอยให้คำปรึกษา 4.ราคา (Price) หลายคนอาจคิดว่าราคาน่าจะเป็นความสนใจในอันดับต้น ๆ แต่ผู้บริโภคปัจจุบันมีพฤติกรรมการซื้อที่ต่างไปจากเดิม การตรวจสอบ และเปรียบเทียบมีความละเอียดเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเลือกเปรียบเทียบคุณภาพกับราคาไปพร้อม ๆ กัน โดยในส่วนนี้ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญ 82% 5.การออกแบบ (Design) รูปแบบบ้านผู้บริโภคให้ความสำคัญ 82% ซึ่งเทียบเท่ากับ ทีมงาน และ ราคา โดยแต่ละบริษัทในปัจจุบันก็จะมีการออกแบบบ้านหลายแบบในแต่ละปี ซึ่งถือเป็นอีกจุดขายหนึ่ง 6.การให้บริการ และเงื่อนไขอื่น ๆ (Services and Conditions) ผู้บริโภคให้ความสำคัญ 73% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเทคนิคสำหรับการปิดการขาย อาทิ การปรับเปลี่ยนแบบระหว่างก่อสร้าง การทำโปรโมชัน กระตุ้นการขาย เป็นต้น จากข้อมูลดังกล่าว ถือได้ว่าหากบริษัทใดสามารถที่จะปฏิบัติตามความต้องการดังกล่าว หรือนำมาเป็นจุดเด่นในการนำเสนอต่อผู้บริโภค ก็ค่อนข้างจะได้เปรียบ ซึ่งบริษัทรับสร้างบ้านขนาดใหญ่หลายแห่งในอดีต ต่างก็พัฒนาขึ้นมาด้วยหลักการดังกล่าว ขณะที่บริษัทรับสร้างบ้านขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มก่อตั้ง หรือ กำลังคิดจะก่อตั้ง ควรให้ความสำคัญเช่นกัน โดยหากสามารถพัฒนามาตรฐานความต้องการของลูกค้าได้ การทำการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องที่ยาก นอกจากนี้ยังส่งผลให้ตลาดรับสร้างบ้านสามารถเติบโตในลักษณะยั่งยืนในระยะยาวได้อีกด้วย ข้อมูลโดย : ฝ่ายการตลาด บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ คุณชัชวาล ตรีเนตร หรือ คุณศรัญญรัตน์ สุวรรณคาม บริษัท โอเอซิส มีเดีย จำกัด โทร.0-2937-4658-9,0-2937-4735 โทรสาร, 0-2937-4596 e-mail : [email protected];[email protected]จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ