กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--ก.พ.
ก.พ. ชูเพิ่มสิทธิประโยชน์ มาตรการจูงใจ บำเหน็จความชอบข้าราชการเป็นกรณีพิเศษเป็นทวีคูณทุกกรณี ทั้งการเลื่อนขั้นเงินเดือน ยกเว้นการประเมินผลงานทางวิชาการ เปิดโอกาสศึกษา ฝึกอบรม ในและต่างประเทศ ย้ำเพื่อสร้างขวัญ กำลังใจ ให้เจ้าหน้าที่และครอบครัวที่เสียสละทำงานในพื้นที่ภาคใต้
นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ. เปิดเผยว่า ตามที่มีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเรื่องบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนใต้ พ.ศ. 2550 นั้น ขณะนี้ ก.พ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษให้แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสี่ยงภัยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกับสิทธิประโยชน์ที่ข้าราชการทหาร ตำรวจได้รับ โดยเป็นการบริหารงานบุคคลภาครัฐเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่รัฐและครอบครัวที่เสียสละทำงานในพื้นที่ภาคใต้ อันจะส่งผลให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคปัญหาต่างๆ ไปได้ด้วยดี
สิทธิประโยชน์ และมาตรการจูงใจต่างๆ ประกอบด้วย การเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษนอกโควตาปกติร้อยละ 1 การจัดสรรงบประมาณกลางเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต การให้โควตาพิเศษในการเข้าฝึกอบรมในหลักสูตรต่าง ๆ การเปิดโอกาสให้ได้รับการศึกษาต่อ การดูงานในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ข้าราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังจะได้รับการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ เกี่ยวกับการนับระยะเวลาที่ปฏิบัติงานในหน้าที่ประจำในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มเป็นทวีคูณได้ทุกรณี เพื่อประโยชน์ในการเลื่อนขั้นเป็นระดับสูงขึ้น ประการสำคัญให้ยกเว้นการประเมินผลงานทางวิชาการสำหรับตำแหน่งประเภทวิชาการ (ว) วิชาชีพเฉพาะ (วช.) (ระดับ 8 ลงมา) โดยให้แต่ละส่วนราชการตรวจสอบคุณสมบัติของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หากราชการรายใดมีคุณสมบัติครบถ้วนก็ให้เร่งคัดเลือกและแต่งตั้งโดยเร็ว และจะต้องปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 2 ปีเว้นแต่มีเหตุจำเป็นอย่างอื่น
“สำนักงาน ก.พ. มั่นใจว่าการเพิ่มสิทธิประโยชน์ มาตรการจูงใจและบำเหน็จความชอบข้าราชการเป็นกรณีพิเศษเป็นทวีคูณทุกกรณี จะทำให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มกำลังความสามารถ และพร้อมทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดสันติสุขแก่ประชาชนทุกคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้” นายปรีชากล่าวในตอนท้าย