ฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตสากลของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็น 'BBB’ จากผลกระทบไวรัสโคโรน่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 3, 2020 13:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign Currency IDR) ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็น 'BBB’ จาก 'BBB+’ และคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ 'F2’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AA+(tha)’ โดยแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกันฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตสากลของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ เป็น 'BBB’ จาก 'BBB+’ และปรับลดอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ เป็น 'BB+ ' จาก 'BBB’ และยกเลิกสถานะ “อยู่ระหว่างสังเกตการณ์ผลกระทบจากการปรับเกณฑ์การจัดอันดับเครดิต” (Under Criteria Observation) ฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตของ BBL สะท้อนถึงความท้าทายของสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสที่กระจายไปในวงกว้าง โดยผลกระทบดังกล่าวได้เพิ่มแรงกดดันต่อสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานของธนาคารที่อ่อนแอมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและทั่วโลกที่ซบเซา แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีมาตรการผ่อนปรนเพื่อช่วยสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ แต่มาตรการเหล่านี้ไม่น่าจะหักล้างความเสี่ยงที่เกิดจากผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำต่อลูกหนี้ที่มีฐานะทางการงินที่อ่อนแอหรือเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานของธาคารไทยสามารถดูได้จาก “Coronavirus Outbreak Increases Challenges for Thai Banks’ Operating Environment” ลงวันที่ 2 เมษายน 2563 เนื่องจากระยะเวลาและแนวโน้มความรุนแรงของสถานการณ์การระบาดของโคโรน่าไวรัส ยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งตามสมมติฐานกรณีฐานของฟิทช์นั้นคุณภาพของสินทรัพย์รวมถึงผลการดำเนินงานของ BBL อาจได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงระยะเวลา 2 ปีข้างหน้าเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในปี 2562 โดยนอกจากระดับค่าใช้จ่ายการสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่อาจเพิ่มขึ้นแล้ว รายได้ของธนาคารก็อาจจะปรับตัวลดลงจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำรวมถึงรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ชะลอตัว อีกทั้งฐานะเงินกองทุนที่จะอ่อนแอลงจากการเข้าซื้อกิจการธนาคาร PT Bank Permata Tbk (Permata: AAA(idn)/เครดิจพินิจเป็นลบ) ในประเทศอินโดนีเซีย ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL พิจารณาจากโครงสร้างเครดิตของตัวธนาคารเอง ซึ่งสะท้อนในอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating หรือ VR) หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิมีสถานะเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของธนาคารซึ่งมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคาร อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตและรวมการพิจารณาโครงสร้างด้านการระดมทุนและสภาพคล่องของธนาคารที่ระดับ 'bbb+’ การคงอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารสะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ต่อโครงสร้างเครดิตของ BBL ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศแม้ว่าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารจะถูกปรับลดอันดับลง ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BBL สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านธุรกิจรายใหญ่และกิจการธนาคารต่างประเทศ นอกจากนี้อันดับเครดิตยังสะท้อนมุมมองของฟิทช์ต่อสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่จะอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการชะลอตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจไทย อันดับเครดิตยังรวมถึงความเชื่อของฟิทช์ว่ากำไรของธนาคารจะอ่อนตัวลงจากอุปสรรคต่างๆ ดังที่กล่าวมา รวมทั้งการด้อยคุณภาพของสินทรัพย์น่าจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การซื้อกิจการ Permata อาจทำให้ BBL ต้องเผชิญความเสี่ยงจากความผันผวนของกำไรที่มากขึ้นในระยะกลางจากการเพิ่มสัดส่วนความเสี่ยงของธนาคารจากธุรกิจที่อยู่ในสภาวะแวดล้อมการดำเนินงานที่ด้อยกว่า การซื้อกิจการ Permata น่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 โดยอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Common Equity Tier 1: CET1) น่าจะปรับตัวลดลงประมาณ 3% หลังจากธุรกรรมเสร็จสิ้น โดยธนาคารคาดว่าจะทยอยเพิ่มเงินกองทุนให้กลับขึ้นมาจากกำไรสะสมของธนาคารแต่อย่างไรก็ตามภายใต้สภาวะแวดล้อมการดำเนินงานที่ท้าทายน่าจะกดดันความสามารถในการสะสมเงินกองทุนของธนาคารอย่างน้อยในช่วงระยะสั้น ดังนั้นฟิทช์จึงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การปรับตัวเพิ่มขึ้นของฐานะเงินกองทุนจะเป็นไปได้ช้ากว่าที่คาด BBL ยังคงมีโครงสร้างเครดิตที่ดีกว่าและมีความสามารถในการรองรับผลกระทบเชิงลบที่มากกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นที่มีอันดับเครดิตที่ต่ำกว่าและอยู่ในสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานในระดับเดียวกัน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยลดแรงกดดันเชิงลบต่ออันดับเครดิตของธนาคารในช่วงระยะเวลา 12-18 เดือนข้างหน้า โดยสภาพคล่องของธนาคารและอัตราส่วนการสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Loan Loss Coverage Ratio) ที่สูงกว่าธนาคารอื่นน่าจะสนับสนุนความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่อาจเพิ่มขึ้นจากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงาน ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตสนับสนุน (Support Rating) และ อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ BBL สะท้อนถึงความสำคัญของธนาคารต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทย ในฐานะที่ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดลูกค้าเงินฝาก 17% ณ สิ้นปี 2562 ฟิทช์เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารหากจำเป็น เนื่องจากธนาคารมีบทบาทในฐานะสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบของประเทศไทย ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – หุ้นกู้ด้อยสิทธิ การปรับลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ (ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่2 ภายใต้หลักเกณฑ์บาเซล 3 และที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่2 ซึ่งไม่สอดคล้องตามเกณฑ์บาเซล 3) ของ BBL เป็น 'BB+’ จาก 'BBB’ เนื่องจากการปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารซึ่งเป็นอันดับเครดิตอ้างอิง (anchor rating) และการเปลี่ยนแปลงของเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสำหรับตราสารหนี้ด้อยสิทธิ (ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2) เป็น 2 อันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตอ้างอิง (anchor rating) ซึ่งจากเดิมคือที่ 1 หรือ 2 อันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตอ้างอิง ทั้งนี้เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิ ทั้งนี้หุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption) จึงไม่ได้ถูกปรับลดอันดับเพิ่มเติมเพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ดาดการณ์ (non-performance risk) ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน) อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL จะได้รับผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงของอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร การปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินน่าจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิได้รับการปรับเพิ่มอันดับ การเปลี่ยนแปลงมุมมองของฟิทช์ที่มีต่อโครงสร้างเครดิตของ BBL เมื่อเทียบกับอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารหรือบริษัทอื่นอาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของ BBL อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าการปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของ BBL ไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้นเมื่อพิจารณาจากโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่รายอื่นในประเทศ ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน) การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินจะส่งผลในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของธนาคารแม้ว่าความเสี่ยงในเชิงลบต่ออันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ มีค่อนข้างจำกัด โดยอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำอยู่ที่ 'BBB-’ อันดับเครดิตภายในประเทศอาจได้รับการปรับลดอันดับหากฟิทช์มองว่าโครงสร้างเครดิตของธนาคารอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นในประเทศ ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน) อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเป็น 'bbb+’ หากแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารจัดอยู่ในระดับสอดคล้องกับธนาคารอื่นที่มีอันดับเครดิตสูงกว่าและอยู่ในสภาวะแวดล้อมการดำเนินงานที่ระดับเดียวกัน (ที่ bbb) เช่นอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อต่ำกว่า 3% อีกทั้งยังมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่แข็งแกร่งในด้านของสำรองหนี้สูญต่อสินเชื้อด้อยคุณภาพและเงินกองทุน (เช่น CET1 อยู่ที่ระดับ 16% อย่างต่อเนื่อง) ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนโดยที่ไม่ได้ยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเนื่องจากความสามารถดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความสามารถในการสะสมเงินกองทุนของธนาคาร ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน) อันดับความแข็งแกร่งของธนาคารอาจได้รับการปรับลดอันดับเป็น 'bbb-' หากฐานะเงินกองทุนของธนาคารปรับตัวด้อยลงอย่างต่อเนื่องจนไม่เพียงพอที่จะรองรับคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลง เช่น การที่อัตราส่วน CET1 ของธนาคารปรับตัวลดลงต่ำกว่า 13% ในช่วงสองปีข้างหน้า โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นสูงกว่า 6% และอัตราส่วนสำรองหนี้เสียต่อสินเชื้อด้อยคุณภาพต่ำกว่า 120% ในความเห็นของฟิทช์เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้หากผลประกอบการ และกำไรของธนาคารยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากการลดลงของอัตรากำไรและคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลง ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่ท้าทายและการยอมรับความเสี่ยงของธนาคารที่เพิ่มขึ้น ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน) อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากฟิทช์เชื่อว่ามีโอกาสมากขึ้นที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารที่มีนัยต่อระบบ (D-SIB) ซึ่งรวมถึง BBL อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยที่ 'BBB+’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ก็อาจบ่งชี้ได้ว่ารัฐบาลมีความสามารถเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนธนาคาร (รวมถึง BBL) แต่การพิจารณาอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำต้องคำนึงถึงการที่โอกาสในการให้การสนับสนุนธนาคารไม่มีการปรับตัวลดลง ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน) อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำอาจถูกปรับลดอันดับหากฟิทช์เชื่อว่าความสามารถที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารนั้นลดลง เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นหากอันอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยถูกปรับลดอันดับ นอกจากนี้การปรับลดอันดับเครดิตยังอาจเกิดได้หากฟิทช์เชื่อว่ามีโอกาสลดลงที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารที่มีนัยต่อระบบ (รวมถึง BBL) อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต –อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน) อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ BBL จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารได้รับการปรับเพิ่มอันดับ ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน) อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ BBL จะได้รับการปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารได้รับการปรับลดอันดับ การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) หากไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนนี้ แสดงว่าธนาคารมีระดับคะแนนความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต ไม่เกินระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตาม รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้ อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว ปรับลดอันดับเป็น 'BBB’ จาก 'BBB+’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F2’อันดับความเข็งแกร่งทางการเงิน ปรับลดอันดับเป็น 'bbb’ จาก 'bbb+’อันดับเครดิตสนับสนุน คงอันดับที่ '2’อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ คงอันดับที่ 'BBB-’อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'AA+(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F1+(tha)’อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ปรับลดอันดับเป็น 'BBB’ จาก 'BBB+’อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิปรับลดอันดับเป็น 'BB+’ จาก 'BBB’

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ