กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--วช.          สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ  (วช.)  กำหนดจัดการสัมมนาผลการวิจัย  เรื่อง  “การสร้างแก้วสำหรับงานศิลป์”  ในวันพฤหัสบดีที่  2  มิถุนายน  2548  ณ  ห้องแกรนด์ฮอลล์  2  โรงแรมรามาการ์เด้นส์  ถนนวิภาวดีรังสิต  กรุงเทพมหานคร  โดยมี  ศาสตราจารย์ ดร. อานนท์  บุณยะรัตเวช  เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ  เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา  เวลา  09.30  น.          แก้วศิลป์  เป็นรูปแบบหนึ่งของการใช้ประโยชน์จากแก้วเพื่อสร้างสรรค์ผลงานทางด้านศิลปะ  การเป่าแก้ว  เป็นการสร้างสรรค์ผลงานจากแท่งแก้วที่มีความแปลกใหม่  สวยงาม  และมีคุณค่า  ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร  ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  พระบรมราชินีนาถ  ได้จัดตั้งแผนกช่างเป่าแก้วขึ้น  เพื่อใช้เป็นสถานที่ฝึกอบรมวิธีการเป่าแก้วให้แก่บุตรหลานของเกษตรกร  บุคคลผู้ยากไร้  ด้อยโอกาส  หรือผู้พิการ ให้มีความรู้ความสามารถ  ในการนำแท่งแก้วมาหลอมและสร้างสรรค์ให้เป็นรูปแบบต่างๆ จนผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำไปประกอบอาชีพเพิ่มพูนรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัวได้  แต่สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการสร้างสรรค์ศิลปะการเป่าแก้ว คือ  ต้นทุนในการผลิตและความเป็นไปได้ในการที่จะสร้างเนื้อแก้วขึ้นเอง โดยใช้วัสดุภายในประเทศ  เพื่อทดแทนการนำเข้าแท่งแก้วแบบต่างๆ จากต่างประเทศ ด้วยเหตุผลดังกล่าว  สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ จึงได้ให้ทุนอุดหนุนการวิจัยแก่นายเชษฐ์  เอี่ยมจิตกุศล และคณะ  ศูนย์ศิลปชีพบางไทร ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  พระบรมราชินีนาถ  ทำการศึกษาวิจัย  เรื่อง  “การสร้างแก้วสำหรับงานศิลป์” ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้วัสดุภายในประเทศสร้างเนื้อแก้วที่ใช้สำหรับงานศิลป์โดยมีคุณสมบัติทัดเทียมกับแท่งแก้วจากต่างประเทศ  และถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อเป็นการฟื้นฟูงานด้านหัตถศิลป์ของคนไทยให้แพร่หลาย            คณะผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยจนสามารถสร้างเนื้อแก้วโซดา (Soda — lime glass) ที่มีคุณสมบัติทัดเทียมกับของต่างประเทศ  นับเป็นครั้งแรกของวงการแก้วในประเทศไทยที่สามารถคิดค้นสูตรที่เหมาะสม  สามารถลดต้นทุนในการผลิตและลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้  สำนักงานฯ  จึงได้จัดการสัมมนาเพื่อเผยแพร่ผลการวิจัยดังกล่าว          ในครั้งนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงความก้าวหน้าของศิลปหัตถกรรมด้านแก้ว  และกระบวนการสร้างเนื้อแก้วสำหรับงานศิลป์โดยใช้วัตถุดิบภายในประเทศ  โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ประกอบด้วย นักวิจัย  ผู้ทรงคุณวุฒิ  ผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการ  ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ  ภาคเอกชน และประชาชนผู้ที่สนใจ            จำนวนประมาณ  200 คน  ซึ่งในการสัมมนานอกจากจะมีการนำเสนอผลงานวิจัยและอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังได้จัดให้มีการแสดงและสาธิตการเป่าแก้ว  การทำลูกปัดแก้ว  การเพนท์สีแก้ว  และการเจียรนัยแก้ว  อีกด้วย--จบ--