The Forestias by MQDC ทุ่มงบ 25 ล้าน เปิดโครงการ 'Forest for Life สร้างป่าสร้างชีวิต' มอบเงินช่วยผู้ประสบปัญหาโควิด 1,000 ครอบครัวครอบครัวละ 15,000 บาท

ข่าวอสังหา Friday May 15, 2020 13:10 —ThaiPR.net

The Forestias by MQDC ทุ่มงบ 25 ล้าน เปิดโครงการ 'Forest for Life สร้างป่าสร้างชีวิต' มอบเงินช่วยผู้ประสบปัญหาโควิด 1,000 ครอบครัวครอบครัวละ 15,000 บาท กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--แมกโนเลียควอลิตี้ดีเวล็อปเม้นต์คอร์ปอเรชั่น นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ ประธานผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า โครงการ The Forestias by MQDC ได้เล็งเห็นว่าผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดนั้นได้กระจายผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้ผู้มีรายได้น้อยได้รับความลำบากมากขึ้น รวมถึงมีผู้ตกงาน หรือผู้ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจมากมาย จึงมองเห็นโอกาสว่า The Forestias by MQDC เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวคิดในการสร้างเมืองคู่ป่า มีแนวคิดในการมุ่งเน้นให้คนเห็นความสำคัญของการเพิ่มพื้นที่สีเขียวอยู่แล้ว จึงเกิดไอเดียที่จะเข้าช่วยเหลือบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้กับชุมชนโดยใช้การสร้างป่าเข้ามาเป็นหัวใจหลักในการช่วยเหลือ จึงได้จัดโครงการ 'Forest for Life สร้างป่าสร้างชีวิต' โดยที่จะนำกล้าไม้ไปให้ครอบครัวที่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายตามที่กำหนดจากชุมชน นำไปดูแลอนุบาลให้เติบโตขึ้น เป็นระยะเวลา 90 วัน หรือ 3 เดือนโดยประมาณ โดยจะมีเงินช่วยเหลือให้ 5,000 บาทต่อครอบครัว โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 งวด รวม 15,000 บาท จากนั้นกล้าไม้จะถูกนำไปแจกจ่ายให้กับหน่วยงานราชการ เช่น กองสาธารณะ กรุงเทพมหานคร สำหรับสร้างเสริมพื้นที่สีเขียวหรือนำไปร่วมโครงการแจกกล้าไม้คนเมือง บางส่วนนำมาใช้กับโครงการของ The Forestias แจกจ่ายประชาชนทั่วไป หรือชุมชนที่รับต้นกล้าไปดูแลต้องการพื้นที่สีเขียว ก็จะมอบให้ เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว "ปัจจุบันนี้ เราต่างเห็นผลลัพธ์ว่าปัญหาผืนป่าหรือต้นไม้ที่ลดลง ทำให้กิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของพวกเราทุกคน เช่น เรื่องอากาศที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้สภาพแวดล้อมในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในเขตศูนย์สูตร มีอากาศร้อนอยู่แล้ว ยิ่งมีอากาศร้อนมากขึ้น มีฝุ่นพิษมากขึ้น ทำให้มีปัญหาด้านสุขภาพตามมา โครงการสร้างป่า สร้างชีวิตนี้ จึงตอบโจทย์ช่วยแก้ปัญหาสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ประกอบกับในช่วงที่ชุมชนมีผู้ว่างงานจากสภาวะวิกฤตโควิดในครั้งนี้ ทางโครงการจึงขอมีส่วนช่วยในการให้ทุนเพื่อการดำเนินชีวิตเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัว ผ่านการให้ชาวชุมชนช่วยดูแลกล้าไม้" นายคีรินทร์กล่าว โครงการนี้มีเป้าหมายในการช่วยเหลือ 1,000 ครอบครัว ซึ่งอยู่ในชุมชนที่สมัครเข้าโครงการ แบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรก กล้าไม้จำนวน 6 แสนต้น และผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ จำนวน 500 ครอบครัว เฟสสองกล้าไม้จำนวน 6 แสนต้น และผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ จำนวน 500 ครอบครัว โดยเราได้จัดสรรงบประมาณให้โครงการนี้จำนวน 25 ล้านบาท "เราเชื่อมั่นว่า เราได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายความคิดเรื่องการสร้างพื้นที่สีเขียว และความผูกพันระหว่างคนกับต้นไม้ และสร้างความแข็งแกร่งและความผูกพันให้ชุมชน" นายคีรินทร์กล่าว การสนับสนุนครั้งนี้เม็ดเงินจะถึงชาวบ้านทุกภาคส่วน โดยกล้าไม้ที่ใช้ในโครงการนี้จำนวน 1.2 ล้านต้น ซื้อมาจากชุมชนที่เป็นเครือข่ายเพาะกล้าของทางกรมป่าไม้ ซึ่งทำการเพาะกล้าเพื่อจำหน่ายเป็นการสร้างรายได้ ทำให้ชุมชนเพาะกล้าเหล่านั้นได้รับเม็ดเงินค่ากล้าไม้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ในส่วนครอบครัวในชุมชนที่รับกล้าไม้ไปดูแลก็จะได้รับเงิน 15,000 บาทในระยะเวลา 90 วันโดยแบ่งมอบเป็น 3 งวด เมื่อครบเวลาที่กำหนด ต้นไม้ที่ชุมชนดูแลรวมจำนวน 1.2 ล้านต้น จะมอบบางส่วนให้ทางกองสาธารณะ กรุงเทพมหานคร สำหรับสร้างเสริมพื้นที่สีเขียวหรือนำไปร่วมโครงการแจกกล้าไม้คนเมือง มอบให้กับพื้นที่ที่ดูแลกล้าไม้ และมอบให้กับประชาชนทั่วไป นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส โครงการ The Forestias by MQDC บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า โครงการ The Forestias by MQDC เป็นอสังหาริมทรัพย์โครงการแรกของโลกที่มนุษย์เราสามารถอยู่อาศัยได้จริงท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบธรรมชาติ ที่ๆ เราจะมี ต้นไม้ สัตว์ อาศัยอยู่รวมกัน ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพและเอื้อประโยขน์ต่อการใช้ชีวิต โดยคนทุกวัยทุกเจเนอเรชั่น สามารถอยู่ และร่วมกันทำกิจกรรมได้อย่างมีความสุขแบบยั่งยืน จุดเด่นของโครงการที่สำคัญคือ การมอบพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ประมาณ 30 ไร่ เป็นผืนป่าใจกลางโครงการโดยจะเป็นป่าที่แท้จริง เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมดุลให้คืนกลับมาใหม่ การเปิดโครงการ 'Forest for Life สร้างป่าสร้างชีวิต' ในครั้งนี้ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ขยายแนวคิดในการสร้างพื้นที่สีเขียวนี้ออกไปสู่สาธารณะมากขึ้น ต้นไม้จากโครงการนี้บางส่วนจะนำมาปลูกต่อไปในป่าของโครงการ The Forestias by MQDC ที่บางนากิโลเมตรที่ 7 ซึ่งถือว่าเป็นป่าที่แท้จริงใจกลางเมือง "เราหวังว่าโครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และอยากให้ทุกคนในชุมชนได้ร่วมกันส่งต่อขยายผลให้งอกเงย ออกไปในวงกว้างให้มากที่สุด เพราะหากชุมชนมองเห็นโอกาสจากการสร้างป่า สร้างชีวิตแล้ว แน่นอน ว่าผลดีย่อมตกกับชุมชน หากชุมชนช่วยเหลือตัวเองได้ มีรายได้เพียงพอไม่เดือดร้อน สังคมจะมีความสุข จะส่งผลดีต่อประเทศชาติในที่สุด" นายกิตติพันธุ์กล่าว ดร.วิทย์ สุนทรนันท์ รองประธานมูลนิธิพุทธรักษา กล่าวว่า ทางโครงการ The Forestias ได้มีความร่วมมือกับทางมูลนิธิพุทธรักษา และเครือข่ายผู้ให้ The Givers Network ในการที่จะสรรหา และคัดเลือกชุมชนที่จะเข้าร่วมกับโครงการ โดยเนื่องจากข้อจำกัดด้านการขนส่งกล้าไม้ จึงจะขอเป็นชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียงหลักเกณฑ์ของผู้ที่จะได้รับความช่วยเหลือ คือ การสมัครเข้ามาเป็นชุมชน ในบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียงชุมชนจะต้องมีสมาชิกที่จะผ่านตามหลักเกณฑ์ไม่ต่ำกว่า 20 ครัวเรือน โดยจะพิจารณาจากชุมชนที่เดือดร้อนที่สุดก่อน สมาชิกของชุมชนมาในลักษณะครัวเรือนโดยแต่ละครัวเรือนที่สมัครและจะผ่านการคัดเลือก ต้องเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด และไม่มีสมาชิกในครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการของรัฐบาลแล้ว เพื่อเป็นการแบ่งเบาบรรเทาทุกข์ให้ทั่วถึงครัวเรือนที่สมัครจะต้องมีพื้นที่เพื่อวางกล้าไม้อย่างน้อย 20 ตารางเมตร หรือถ้าชุมชนจะจัดหาที่ส่วนกลางเช่น วัด โรงเรียน ก็สามารถทำได้ โดยทางโครงการจะช่วยเหลือค่าน้ำตามสมควรให้กับที่สาธารณะที่ให้พื้นที่กับโครงการนี้แต่ละครัวเรือนจะรับกล้าไม้ไปดูแล 1,200 ต้น โดย 1,000 ต้นจะเป็นกล้าไม้กลุ่มป่าไม้และไม้พุ่มรวมถึงไม้มีค่าต่างๆ และอีก 200 ต้นจะเป็นกลุ่มพืชสวนครัว โครงการตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,000 ครัวเรือน เพื่อดูแลต้นกล้า 1.2 ล้านต้น โดยแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรก 500 ครัวเรือนดูแลกล้าไม้จำนวน 6 แสนต้น ซึ่งชุมชนนำร่อง คือ ชุมชนวัดทุ่งเหียง จำนวน 26 ครัวเรือน ข้อมูลที่เราพบจากชุมชนวัดทุ่งเหียง พบว่าบางครอบครัวประสบปัญหา ขาดรายได้ทั้งครอบครัว เพราะสมาชิกในบ้านจำนวน 4-5 คน ต้องตกงานทุกคนทำให้ไม่มีเงินเลี้ยงชีพ การเข้ามาร่วมโครงการนี้จึงช่วยทำให้ชุมชนมีรายได้พอเลี้ยงชีพในช่วงเวลา 3 เดือน ชุมชนวัดทุ่งเหียง ตำบลหมอนนาง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี มีความใกล้ชิดกันระหว่างวัดและ ชุมชนและยินดีที่จะให้พื้นที่ของวัดและบริเวณชุมชนโดยรอบนำพื้นที่ส่วนกลางมาร่วมโครงการ นอกจากชุมชนวัดทุ่งเหียงที่จะร่วมโครงการช่วงแรกประมาณ 26 ครัวเรือน มีชุมชนที่แจ้งความจำนงมา คือชุมชนบ้านอำเภอ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมอีกจำนวน 120 ครัวเรือน นอกจากนี้ยังเตรียมขยายไปยังพื้นที่ชุมชนอื่นๆ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอีกด้วย ซึ่ง ณ ปัจจุบันได้ประสานกับทางสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ดำเนินการจัดหาชุมชน และกลุ่มคนไร้บ้านเพื่อเข้าร่วมโครงการอีกด้วย สำหรับกล้าไม้พันธุ์ต่างๆ ที่นำมาให้ชุมชนได้ดูแลนั้น แบ่งเป็นพันธุ์ไม้ประเภทไม้ป่าไม่พุ่มซึ่งจะรวมไม้มีค่าอยู่ด้วย อาทิเช่น ไม้สัก มะค่าโมง ประดู่ป่า ตะเทียนทอง มะฮอกกานี ชิงชัน แคนา พะยูง และ พืชสวนครัวที่ดูแลง่ายและมีคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งสะดวกในการดูแลมีศัตรูพืชน้อย สามารถนำมาบริโภคในครัวเรือนช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และหากมีเหลือพอชุมชนสามารถนำไปจำหน่ายเพิ่มรายได้อีกทาง ซึ่งการเลือกต้นไม้มาปลูกนี้จะได้ประโยชน์ต่อสังคมอย่างยั่งยืน เป็นการพัฒนาทักษะอาชีพ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพราะไม้เศรษฐกิจไม้มีค่านั้นจะมีมูลค่าสูงขึ้นและเป็นที่ต้องการของตลาดในอนาคต และผู้ที่มีความชำนาญด้านเพาะกล้าไม้ก็จะสามารถมีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ และยังมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมเพราะช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยอีกทางหนึ่ง สำหรับชุมชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ Facebook : MQDC – The Forestias นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ทางกรมป่าไม้ได้ร่วมให้การสนับสนุนโครงการนี้ เพราะมีวัตถุประสงค์ที่ตรงกับแนวทางของกรมป่าไม้โดยเฉพาะเรื่องของการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และพื้นที่ป่าไม้ ในความร่วมมือนั้นทางกรมป่าไม้ได้แนะนำชุมชนที่มีอาชีพเพาะกล้าไม้เพื่อจำหน่ายโดยทางโครงการ 'Forest for Life สร้างป่าสร้างชีวิต' จะซื้อกล้าไม้โดยตรงจากชุมชนเหล่านั้น นอกจากนั้นทางกรมป่าไม้ได้ให้เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลกล้าไม้มาช่วยแนะนำวิธีการดูแล ในปัจจุบันการเพาะกล้าไม้ได้กลายเป็นหนึ่งอาชีพที่ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงกล้าไม้สร้างรายได้ จากการที่ผู้ที่ปลูกไม้มีค่าในพื้นที่ของตนเองสามารถปลูกและตัดขายได้ภายใต้ พรบ. ป่าไม้ ปี 2562 ทำให้กล้าไม้โดยเฉพาะไม้มีค่าพวก ไม้สัก ไม้ยาง ไม้พะยูง ได้รับความนิยมมากขึ้น ทางกรมป่าไม้เล็งเห็นว่าการส่งเสริมให้ครอบครัวในชุมชนได้นำกล้าไม้ไปดูแลระยะหนึ่ง จะสร้างความผูกพันระหว่างคนกับต้นไม้ได้ และอาจจะถึงขั้นที่ชุมชนนั้นๆ อาจจะเป็นช่องทางในการนำไปทำเป็นอาชีพเพาะและเลี้ยงดูกล้าไม้ต่อไป จะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศเรา ตามเจตนารมณ์และภารกิจของกรมป่าไม้ พระครูศรวิชัย มหาวีโร รองเจ้าอาวาสวัดทุ่งเหียง ตัวแทนชุมชนวัดทุ่งเหียง กล่าวว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณทุกหน่วยงานที่เปิดโอกาสให้ชุมชน ได้เข้าร่วมโครงการนี้ เพราะช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้านปากท้องของชุมชนในเบื้องต้น และชุมชนก็ได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีการดูแลกล้าไม้จากทางกรมป่าไม้ ในอนาคตหลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้นชุมชนก็จะได้มีความรู้ความชำนาญในอาชีพจนอาจจะยึดเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้เพิ่มในระยะยาว ป้องกันปัญหาด้านการขาดรายได้ในอนาคต คาดหวังว่าสมาชิกชุมชนวัดทุ่งเหียงจะมีรายได้มากพอที่จะดูแลตนเอง และ คนในครอบครัวได้ในที่สุด "นอกจากนี้ ทางวัดยังดีใจที่ได้เห็นความร่วมมือระหว่างชุมชนกับวัด โดยทางวัดได้เปิดพื้นที่ให้ชุมชนได้มาใช้ในการดูแลกล้าไม้เป็นการสร้างรายได้ให้กับผู้ที่เดือดร้อน"พระครูศรวิชัยกล่าว โดยภาพรวม บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโควิด ในโครงการต่างๆ รวมเป็นเงินประมาณ 50 ล้านบาท เกี่ยวกับ “THE FORESTIAS - เดอะ ฟอเรสเทียส์ “THE FORESTIAS - เดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการที่นำเสนอแนวคิดในรูปแบบ Enchanted Community District in The Forest ภายใต้สโลแกน Imagine Happiness โดยโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการแรกของโลกที่ธรรมชาติ สัตว์ และมนุษย์ จะสามารถอาศัยอยู่รวมกัน ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพและเอื้อประโยขน์ต่อการใช้ชีวิต รวมทั้งให้ทุกเจเนอเรชั่นสามารถอยู่และร่วมกันทำกิจกรรมอย่างมีความสุขแบบยั่งยืน บนวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน โดยโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ จะเป็น “Happy Living Community for Intergeneration” ด้วยการรังสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในนัยยะสำคัญเพื่อลดทอนและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในโลก ผ่านการออกแบบที่ใส่ใจในทุกมิติ ทั้งบริบทของธรรมชาติ การผสานนวัตกรรม ตลอดจนเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการวางแผนออกแบบโครงการฯ ที่มีระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัยและยั่งยืน รวมถึงการมอบพื้นที่ สีเขียวขนาดใหญ่ ด้วยการปลูกผืนป่าเพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมดุลให้คืนกลับมาใหม่ โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.7 บนพื้นที่กว่า 398 ไร่ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ประกอบด้วย โครงการที่อยู่อาศัย พื้นที่ธุรกิจ โรงแรมบูธีคระดับ 6 ดาว คอมมิวนิตี้ & แฟมิลี่เซ็นเตอร์ โรงภาพยนตร์สไตล์วินเทจ ร้านค้า ร้านอาหาร อาคารสำนักงาน เนอร์สเซอรี่ ศูนย์สุขภาพ โรงพยาบาล และอาคารนวัตกรรมแห่งอนาคต นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่สำหรับชุมชน พิพิธภัณฑ์และศูนย์เรียนรู้ ตลอดจนระบบนิเวศของผืนป่าขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์” เกี่ยวกับมูลนิธิพุทธรักษา มูลนิธิพุทธรักษาก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2545 ด้วยเจตนารมณ์ของคุณธนินท์และคุณหญิงเทวี เจียรวนนท์ โดยมูลนิธิมีความมุ่งมั่นในการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเด็กและเยาวชนผ่านการมอบโอกาสทางการศึกษาที่ครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน พร้อมทั้งบ่มเพาะความมีเมตตาโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น ทั้งนี้มูลนิธิพุทธรักษาได้จดทะเบียนเป็นองค์กรสาธรณกุศลในปีพ.ศ. 2552 และได้ขยายการช่วยเหลือไปทั่วประเทศด้วยการสนับสนุนของผู้ก่อตั้งและบริษัทดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด อีกทั้งมูลนิธิยังมอบทุนการศึกษาและให้การดูแลเด็กนักเรียนจำนวน 6,000 คน ให้ได้รับการศึกษาและความเป็นอยู่ที่ดี และยังตั้งกองทุนช่วยเหลือเด็กปฐมวัยรวมถึงการฝึกวิชาชีพให้กับเด็กที่ขาดโอกาส นอกจากนี้ทางมูลนิธิยังได้ริเริ่มโครงการ Art4Worth ด้วยการจัดการเรียนการสอนศิลปะโดยศิลปินจิตอาสาให้แก่เด็ก ๆ ในชุมชนต่าง ๆ อีกด้วย เกี่ยวกับบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) ดำเนินธุรกิจการพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย บ้าน คอนโดมิเนียม โครงการคอมมูนิตี้ ดิสทริค และ ธีมโปรเจกต์ รวมถึงธุรกิจค้าปลีกและโรงแรม พร้อมดำเนินธุรกิจภายใต้คำมั่นสัญญา 'For All Well-Being’ MQDC พัฒนาที่อยู่อาศัย โครงการมิกซ์ยูสและธีมโปรเจกต์ภายใต้แบรนด์ “แมกโนเลียส์” (Magnolias) “วิสซ์ ดอม” (Whizdom) ดิ แอสเพน ทรี (The Aspen Tree) มัลเบอร์รี่ โกรฟ (Mulberry Grove) และเดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias) เพื่อส่งเสริมสุขภาพของผู้อยู่อาศัยและสร้างการใช้ชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน MQDC ได้ให้การรับประกัน 30 ปีในโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกโครงการเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานการก่อสร้างที่ดีเยี่ยม การประยุกต์ปรัชญา 'นวัตกรรมแห่งความยั่งยืน’ MQDC มุ่งมั่นที่จะนำพาภาคธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปสู่ความยั่งยืน ดังนั้น MQDC ได้ให้การสนับสนุนงานด้านการวิจัยและนวัตกรรม โดยได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) ซึ่งเป็นศูนย์การวิจัยแห่งแรกของเอเชียที่มุ่งเน้นด้านการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสรรพสิ่งบนโลก พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์วิจัยอนาคตศึกษาฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยเอกชนแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ทำการศึกษา วิเคราะห์ และรวบรวมข้อมูลที่สำคัญต่ออนาคต เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับมนุษยชาติ MQDC ดำเนินงานพร้อมกับการคำนึงถึงสิ่งมีชีวิตบนโลก มากกว่านั้นยังมีเป้าหมายในการพัฒนาความยั่งยืนเพื่อสังคมโดยรวม ข้อมูลเพิ่มเติม www.mqdc.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ