กองทุนบัวหลวงเผยผลงาน “B-FUTURE” เกือบ 2 ปีดีกว่าเกณฑ์มาตรฐาน แนะนำเป็นทางเลือกให้ผู้ที่มองหาการลงทุนนวัตกรรมใหม่ และเทรนด์การบริโภคในอนาคต

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 8, 2020 12:00 —ThaiPR.net

กองทุนบัวหลวงเผยผลงาน “B-FUTURE” เกือบ 2 ปีดีกว่าเกณฑ์มาตรฐาน แนะนำเป็นทางเลือกให้ผู้ที่มองหาการลงทุนนวัตกรรมใหม่ และเทรนด์การบริโภคในอนาคต กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--บลจ.บัวหลวง กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ หรือ B-FUTURE โชว์ผลงาน 2 ปีดีกว่าตลาด ทั้งจ่ายปันผลไปแล้วรวม 2 ครั้ง โดยกองทุนบัวหลวงแนะนำผู้ที่มองหาการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ และเทรนด์การบริโภคในอนาคตเข้าลงทุนใน B-FUTURE ได้ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เบื้องต้นในช่วงที่ผ่านมากองทุนนี้ลงทุนผ่านกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) รวมทั้งกลุ่มการบริโภคในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กองทุนบัวหลวงเน้นลงทุนตรงในหุ้นต่างประเทศเกี่ยวกับการบริโภคและการบริการที่นำเทคโนโลยีมาเพิ่มความสะดวกเสริมทัพ รายงานข่าวจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ หรือ B-FUTURE ดำเนินงานมาจะครบ 2 ปีแล้ว หากนับถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2563 นี้ และกำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 3 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองทุน B-FUTURE มีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ โดยนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 กองทุน B-FUTURE ทำผลการดำเนินงานได้ 2.08% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -1.77% ส่วนผลการดำเนินงานรอบ 1 ปี อยู่ที่ 13.11% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 6.04% ในส่วนของผลการดำเนินงาน 6 เดือน อยู่ที่ 6.81% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน -1.03% ส่วนผลการดำเนินงาน 3 เดือน อยู่ที่ 7.41% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 0.58% นอกจากนั้น กองทุน B-FUTURE ยังจ่ายเงินปันผลให้ผู้ลงทุนไปแล้วถึง 2 ครั้ง รวม 0.41 บาทต่อหน่วย โดยจ่ายครั้งแรกสำหรับผลการดำเนินงานงวดวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 - 30 เมษายน 2562 ในอัตรา 0.26 บาทต่อหน่วย และจ่ายครั้งที่ 2 จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 สิงหาคม 2562 - 31 มกราคม 2563 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วย ผู้ลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสจากการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) รวมถึงต้องการเติบโตไปพร้อมกับแนวโน้มการบริโภคในอนาคต ซึ่งยังคงมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถพิจารณากองทุน B-FUTURE เป็นทางเลือกได้ เนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนในแนวโน้มข้างต้น โดยมีทั้งการลงทุนผ่านกองทุนต่างประเทศ 2 กองทุน ได้แก่ Alliance Global Artificial Intelligence และ Fidelity Fund – China Consumer Fund รวมถึงการลงทุนในหุ้นต่างประเทศโดยตรงเอง ซึ่งจากข้อมูลเดือนเมษายน 2563 กองทุน B-FUTURE ลงทุนผ่าน Alliance Global Artificial Intelligence 45.45% ลงทุนผ่าน Fidelity Fund – China Consumer Fund 33.89% และลงทุนในหุ้นต่างประเทศโดยตรง 14.42% ทั้งนี้ กองทุน Alliance Global Artificial Intelligence ที่ กองทุน B-FUTURE เข้าไปลงทุน เชื่อมั่นว่า การลงทุนในธุรกิจที่นำ AI มาประยุกต์ใช้ จะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เพราะธุรกิจที่ใช้ AI เข้าไปมีส่วนร่วมในการผลิตและบริการมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ปัจจุบันการพัฒนา AI ยังอยู่ในช่วงแรกเท่านั้น การพัฒนายังคงมีอยู่ต่ออย่างเนื่อง ที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนจากการที่ราคาหุ้นปรับตัวลงในเดือนมีนาคม โดยคัดเลือกหุ้นอย่างระมัดระวัง และคัดสรรหุ้นจากหลากหลายอุตสาหกรรมที่นำ AI มาประยุกต์ใช้ กลุ่มธุรกิจที่กองทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนคือ กลุ่มแอปพลิเคชันที่ต้องใช้ AI เช่น กลุ่มบริษัทซอฟต์แวร์ เพราะได้รับผลกระทบน้อยจากห่วงโซ่การผลิตเทคโนโลยีทั่วโลกที่หยุดชะงัก ทั้งยังได้ประโยชน์สูงที่สุดจากการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) และกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ที่ราคาได้ปรับตัวลดลงจนอยู่ในระดับน่าสนใจ ขณะที่ กองทุน Fidelity Fund – China Consumer Fund ที่กองทุน B-FUTURE เข้าไปลงทุน มีการกระจายลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยผู้จัดการกองทุนดังกล่าว มีมุมมองบวกอย่างมากกับการบริโภคในประเทศจีน ซึ่งที่ผ่านมากองทุนได้ประโยชน์จากการเพิ่มน้ำหนักลงทุนในค้าปลีกออนไลน์ เกมส์ออนไลน์ การศึกษาออนไลน์ ส่วนล่าสุดไตรมาสแรกที่ผ่านมา กองทุนเพิ่มน้ำหนักในสินค้าอุปโภคบริโภค เพราะมองว่าได้ประโยชน์จากการทำงานจากที่บ้าน และกลุ่มธุรกิจสุขภาพ (เฮลธ์แคร์) ซึ่งมีโอกาสเติบโตจากการรักษาแบบใหม่ๆ ขณะเดียวกันยังมีมุมมองบวกต่อธุรกิจกลุ่มประกัน เพราะมองว่าความต้องการประกันชีวิตจะเพิ่มมากขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ส่วนที่กองทุนบัวหลวงลงทุนตรงในหุ้นต่างประเทศเองนั้น ผู้จัดการกองทุนเน้นลงทุนหุ้นเกี่ยวกับการบริโภคในประเทศจีนที่มาพร้อมกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยให้เกิดความสะดวกมากขึ้น รวมถึงการให้น้ำหนักภาคบริการมากกว่าอุตสาหกรรมการผลิต เช่น อี-คอมเมิร์ซ ขนส่งและโลจิสติกส์ เนื่องจากมองว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นมากมาย จึงเป็นโอกาสของการลงทุนในบริษัทที่ปรับตัวโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน อันจะนำมาสู่ผลการดำเนินงานที่ดีของกองทุน สำหรับ กองทุน B-FUTURE เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการบริโภคในอนาคต ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับแนวโน้มการบริโภค การดำเนินธุรกิจ และเศรษฐกิจในอนาคต กองทุนนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร โดยจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลครั้งละไม่เกิน 100% จากกำไรสะสม หรือกำไรจากการลงทุนสุทธิ หรือจากการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ