ACG ฤกษ์ดีย้ายเทรด SET 1 ก.ค.นี้ เรียกความเชื่อมั่น ดึงสถาบันถือหุ้น สร้างเสถียรภาพพร้อมลุยธุรกิจใหม่ "FASTFIT" ศูนย์บริการฯรถยนต์ทุกยี่ห้อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 1, 2020 11:15 —ThaiPR.net

ACG ฤกษ์ดีย้ายเทรด SET 1 ก.ค.นี้ เรียกความเชื่อมั่น ดึงสถาบันถือหุ้น สร้างเสถียรภาพพร้อมลุยธุรกิจใหม่ กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง บมจ. ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง หรือ ACG พร้อมย้ายหุ้นจากตลาด เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ประเดิมวันที่ 1 ก.ค.นี้ ฟาก "คุณภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจช่วยสร้างความเชื่อมั่นโดยเฉพาะกลุ่มสถาบัน และจะทำให้หุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้น เดินหน้าลุยธุรกิจใหม่ “FASTFIT” ให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อ เพื่อขยายฐานลูกค้ากว้างขึ้น หนุนอนาคตเติบโตอย่างมั่นคง นายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ACG เปิดเผยว่าการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ประกาศให้หุ้น ACG ย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดยานยนต์ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป "การย้ายหุ้นเทรดใน SET สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯที่เพิ่มขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มนักลงทุน โดยเฉพาะผู้ลงทุนสถาบัน "นายภานุมาศ กล่าว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะสามารถเดินหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ โดยจะเน้นในส่วนของงานบริการซ่อมบำรุง เนื่องจากจะเป็นธุรกิจช่วยสนับสนุนการเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต ซึ่งจะเป็นธุรกิจใหม่ “FASTFIT” ให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อ เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และด้วยเงินลงทุนที่ต่ำ จึงสามารถกระจายสาขาให้ทั่วภูมิภาคได้รวดเร็ว และเบื้องต้นวางแผนจะเปิด 3-5 สาขา ในจังหวัดภูเก็ต ด้วยเงินลงทุนรวมประมาณ 30-50 ล้านบาท และบริษัทฯคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ โดยบริษัทฯมีเป้าหมายจะขยายสาขาให้ครบ 15 แห่ง ซึ่งจะพิจารณาตามช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสถานการณ์ของอุตสาหกรรมรถยนต์ น่าจะทยอยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง หลังจากที่ภาครัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)ได้แล้ว และคาดหวังว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคจะเริ่มกลับมาคึกคักได้อีกครั้งอย่างแน่นอน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ