ไขปัญหาแผลเป็นคีลอยด์

ข่าวทั่วไป Tuesday August 4, 2020 09:14 —ThaiPR.net

ไขปัญหาแผลเป็นคีลอยด์ กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--โรงพยาบาลธนบุรี 2 แผลที่หายดีแล้วมักจะทิ้งร่องรอยแผลเป็นสร้างตำหนิบนผิวหนัง ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนสวยงาม โดยเฉพาะรอยแผลเป็นนูน หรือที่เรียกกันว่า คีลอยด์ (Keloid) หากเกิดในจุดที่สังเกตได้ง่ายอาจส่งผลต่อความมั่นใจต้องคอยปกปิด นอกจากนี้แล้วรอยแผลเป็นบางชนิดยังมีอาการคันหรือระคายเคือง จนก่อให้เกิดความรำคาญได้อีกด้วย แผลเป็นคีลอยด์ มีลักษณะอย่างไร คีลอยด์ คือแผลเป็นชนิดหนึ่งที่มีลักษณะนูนเงาและขยายใหญ่กว่าแผลเป็นที่เกิดขึ้น ในช่วงแรกๆ จะปรากฏเป็นสีแดงแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีคล้ำหรือซีดลง สามารถเกิดได้ทุกส่วนของร่างกาย โดยส่วนใหญ่มักขึ้นตามหน้าอก หัวไหล่ หลัง ลำคอ และติ่งหู ซึ่งแผลเป็นคีลอยด์อาจจะคงอยู่เป็นเวลาหลายปี แผลเป็นคีลอยด์เกิดจากอะไร แผลเป็นคีลอยด์เกิดจากความผิดปกติของแผลที่หายตามธรรมชาติของร่างกาย ที่ผิวหนังมีการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนเพื่อซ่อมแซมส่วนที่เสียหายมากเกินไป แผลเป็นคีลอยด์จะแตกต่างจากแผลเป็นทั่วไป ตรงที่แผลเป็นส่วนใหญ่จะค่อยๆ จางหายได้เองตามธรรมชาติ แต่แผลเป็นคีลอยด์จะค่อยๆ ขยายใหญ่และนูนขึ้นกว่าแผลเดิม มักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุ 10 – 30 ปี อาจมีแนวโน้มจากพันธุกรรม หรือมีสมาชิกในครอบครัวที่เคยเป็นคีลอยด์ การวินิจฉัยแผลเป็นคีลอยด์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนังจะตรวจดูลักษณะความผิดปกติที่เกิดขึ้นด้วยตาเปล่า เพื่อแยกอาการของคีลอยด์ ในบางครั้งแพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจดูความแตกต่างด้วยกล้องจุลทัศน์ ซึ่งหากเป็นคีลอยด์จะมีลักษณะของเซลล์ที่จำเพาะกว่าแผลเป็นทั่วไป การรักษาแผลเป็นคีลอยด์ การทายาการฉีดยาการผ่าตัดการยิงเลเซอร์ อย่างไรก็ตาม การรักษาแผลเป็นคีลอยด์จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา ควรเข้ารับบริการกับโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง เพื่อวินิจฉัยให้การรักษาที่ถูกต้อง เหมาะสม และได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ นพ. สิริวัฒน์ ภัทรากาญจน์ แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง โรงพยาบาลธนบุรี 2 https://www.thonburi2hospital.com/diagnose-doctor.php?id=301

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ