กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--แบรนด์ เวลท์
การนิคมอุตสาหกรรมฯ รุกเสนอสร้างโครงการโรงไฟฟ้ากากอุตสาหกรรม 500 เมกะวัตต์ ให้กระทรวงพลังงาน เพื่อแก้ปัญหาขยะล้นประเทศ โดยนำส่งหนังสือขอรับการสนับสนุนไปที่กระทรวงพลังงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายจักรรัฐ เลิศโอภาส รองผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ ตามที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาขยะอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ด้วยการนำกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตรายมาใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ด้วยการแปลงเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า แทนการนำไปฝังกลบในบ่อฝังกลบซึ่งนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังเป็นการสร้างปัญหาให้สิ่งแวดล้อม เนื่องจากประเทศไทยมีปริมาณหลุมฝังกลบไม่เพียงพอ และการขยายหรือสร้างหลุมฝังกลบใหม่ เป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากอาจได้รับการต่อต้านจากประชาชนในจังหวัดนั้นๆ ทำให้สุดท้ายอาจเกิดปัญหาในการกำจัดกากอุตสาหกรรมที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมตามนโยบายของรัฐบาล และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และคาดว่าจะมีปริมาณกากอุตสาหกรรมมากถึง 25-28 ล้านตันต่อปีในปี 2565 เพิ่มจาก 22 ล้านตันต่อปีในปัจจุบัน”
ทางกระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงได้เสนอแนวทาง การเปลี่ยนขยะอุตสาหกรรมเป็นพลังงาน (Waste-to-Energy) เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยได้ทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน และ สำนักงานนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สนพ.) เพื่อขอรับการสนับสนุนให้สร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมากด้วยเชื้อเพลิงจากกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตรายในรูปแบบของเชื้อเพลิงอัดก้อน Refuse Derived Fuel (RDF) ในเฟสแรกจำนวน 500 เมกะวัตต์ ซึ่งจะใช้ปริมาณกากอุตสาหกรรม ประมาณ 5 ล้านตันต่อปี ถือเป็นนโยบายเร่งด่วน สมควรจะบรรจุลงในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 (PDP)เพิ่มเติม
การนำกากอุตสาหกรรมไปแปลงเป็นพลังงาน ( Waste-to-Energy) เป็นวิธีที่สามารถกำจัดกากอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นการเปลี่ยนจากขยะอุตสาหกรรมเป็นพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าพลังงานจากน้ำมัน แก๊ส หรือถ่านหิน โดยปัจจุบันนี้ ประเทศไทยมีกากอุตสาหกรรมอยู่ถึงปีละ 22 ล้านตัน สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมได้ถึง 2,000 เมกะวัตต์ สำหรับการสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมนั้น จะต้องสร้างในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อการควบคุมดูแลการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันปริมาณขยะในประเทศไทยโดยรวมเฉลี่ยปริมาณขยะทั้งหมด 49.8 ล้านตันต่อปี แบ่งเป็นขยะชุมชน 27.8 ล้านตันต่อปี และขยะอุตสาหกรรม 22 ล้านตันต่อปี เป็นขยะอุตสาหกรรมไม่อันตราย 20.8 ล้านตันต่อปี และขยะอุตสาหกรรมอันตราย 1.2 ล้านตันต่อปี
กนอ. หนุนรัฐแก้ปัญหาขยะเสนอสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม เฟสแรก 500 เมกะวัตต์
ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 4, 2020 09:14 —ThaiPR.net
กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--แบรนด์ เวลท์
การนิคมอุตสาหกรรมฯ รุกเสนอสร้างโครงการโรงไฟฟ้ากากอุตสาหกรรม 500 เมกะวัตต์ ให้กระทรวงพลังงาน เพื่อแก้ปัญหาขยะล้นประเทศ โดยนำส่งหนังสือขอรับการสนับสนุนไปที่กระทรวงพลังงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายจักรรัฐ เลิศโอภาส รองผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ ตามที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาขยะอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ด้วยการนำกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตรายมาใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ด้วยการแปลงเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า แทนการนำไปฝังกลบในบ่อฝังกลบซึ่งนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังเป็นการสร้างปัญหาให้สิ่งแวดล้อม เนื่องจากประเทศไทยมีปริมาณหลุมฝังกลบไม่เพียงพอ และการขยายหรือสร้างหลุมฝังกลบใหม่ เป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากอาจได้รับการต่อต้านจากประชาชนในจังหวัดนั้นๆ ทำให้สุดท้ายอาจเกิดปัญหาในการกำจัดกากอุตสาหกรรมที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมตามนโยบายของรัฐบาล และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และคาดว่าจะมีปริมาณกากอุตสาหกรรมมากถึง 25-28 ล้านตันต่อปีในปี 2565 เพิ่มจาก 22 ล้านตันต่อปีในปัจจุบัน”
ทางกระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงได้เสนอแนวทาง การเปลี่ยนขยะอุตสาหกรรมเป็นพลังงาน (Waste-to-Energy) เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยได้ทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน และ สำนักงานนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สนพ.) เพื่อขอรับการสนับสนุนให้สร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมากด้วยเชื้อเพลิงจากกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตรายในรูปแบบของเชื้อเพลิงอัดก้อน Refuse Derived Fuel (RDF) ในเฟสแรกจำนวน 500 เมกะวัตต์ ซึ่งจะใช้ปริมาณกากอุตสาหกรรม ประมาณ 5 ล้านตันต่อปี ถือเป็นนโยบายเร่งด่วน สมควรจะบรรจุลงในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 (PDP)เพิ่มเติม
การนำกากอุตสาหกรรมไปแปลงเป็นพลังงาน ( Waste-to-Energy) เป็นวิธีที่สามารถกำจัดกากอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นการเปลี่ยนจากขยะอุตสาหกรรมเป็นพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าพลังงานจากน้ำมัน แก๊ส หรือถ่านหิน โดยปัจจุบันนี้ ประเทศไทยมีกากอุตสาหกรรมอยู่ถึงปีละ 22 ล้านตัน สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมได้ถึง 2,000 เมกะวัตต์ สำหรับการสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมนั้น จะต้องสร้างในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อการควบคุมดูแลการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันปริมาณขยะในประเทศไทยโดยรวมเฉลี่ยปริมาณขยะทั้งหมด 49.8 ล้านตันต่อปี แบ่งเป็นขยะชุมชน 27.8 ล้านตันต่อปี และขยะอุตสาหกรรม 22 ล้านตันต่อปี เป็นขยะอุตสาหกรรมไม่อันตราย 20.8 ล้านตันต่อปี และขยะอุตสาหกรรมอันตราย 1.2 ล้านตันต่อปี