สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด อุตรดิตถ์ ชนะเลิศข้าวพื้นนุ่ม พันธุ์พิษณุโลก80

ข่าวทั่วไป Tuesday August 4, 2020 15:21 —ThaiPR.net

สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด อุตรดิตถ์ ชนะเลิศข้าวพื้นนุ่ม พันธุ์พิษณุโลก80 กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--กรมส่งเสริมสหกรณ์ นับเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจสำหรับ”สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด”กับรางวัลชนะเลิศประเภทข้าวพื้นนุ่ม(พิษณุโลก80) จากผู้ส่งตัวอย่างเข้าประกวดทั้งสิ้น 131 ตัวอย่างในงาน”ประกวดข้าวเพื่อรองรับและส่งเสริม การส่งออกของตลาดข้าวโลกปี 2563” ณ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ ระหว่างวันที่ 16-17 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ”สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด” ตั้งอยู่ที่ต.บ้านหม้อ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ด้วยสภาพพื้นที่ลุ่มน้ำท่วมถึง จึงเหมาะกับการปลูกข้าวพื้นนิ่มสายพันธุ์พิษณุโลก 80 เป็นข้าวลูกผสมระหว่างพันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี 90 และ IR56 กับ กข27 ซึ่งเป็นข้าวไวแสง ปลูกได้ปีละครั้งและเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่น้ำท่วม โดยมีคุณสมบัติเด่นน้ำตาลน้อยเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพไม่ต่างจากกข.43 “สหกรณ์เราได้ส่งเสริมให้สมาชิกปลูกข้าวมา 4 ปีแล้ว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่รองรับน้ำในช่วงฤดูฝน น้ำจะท่วมขังอยู่เป็นเวลานาน เกษตรกรปลูกข้าวสายพันธุ์อื่นไม่ค่อยได้ผล บางทีก็เกิดความเสียหาย เราจึงไปเอาพันธุ์ข้าวมาจากศูนย์ข้าวพิษณุโลก เป็นพันธุ์พิษณุโลก80 ซึ่งทนต่อน้ำท่วมขังมากกว่าสายพันธุ์อื่น ปรากฏว่าเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่น้ำท่วม ตอนนี้ได้มาทำการขยายผลส่งเสริมให้สมาชิกปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ” ภาวิตา เผ่าชู ที่ปรึกษาด้านการตลาด สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด เผยจุดเด่นของข้าวพันธุ์ดีพิษณุโลก80 จากนั้น สหกรณ์จึงนำมาส่งเสริมให้สมาชิกปลูก เริ่มปลูกในปีแรกให้ผลผลิต 600 กิโลกรัมต่อไร่ จากนั้นได้ร่วมกับทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ ในการพัฒนาสายพันธุ์และปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกด้วยวิธีการหยอด ส่งผลทำให้ผลผลิตสูงขึ้น ปัจจุบันให้ผลผลิตอยู่ที่ 900-1,000 กิโลกรัมต่อไร่ โดยแต่ละปีจะให้ผลผลิต สู่ตลาดเฉลี่ย 4,000-5,000 ตัน จากพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมดกว่า 5,000 ไร่ ส่วนราคาจำหน่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 9.5 พันบาทถึง 1.1 หมื่นบาทต่อตันใกล้เคียงกับข้าวหอมปทุม “เราได้ส่งข้าวตัวนี้เข้าประกวดทางกรมการข้าวเขาก็เอาไปเทียบกับข้าวพันธุ์พื้นนุ่มตัวอื่น ๆ แล้วก็มีใบรับรองยืนยันจากแล็ปกลางว่าค่าน้ำตาลของเราต่ำจริง เฉพาะที่ปลูกในบริเวณพื้นที่ทุ่งที่สหกรณ์ดูแลรับผิดชอบ นี่คือจุดเด่นที่เราได้รับรางวัล คือความนุ่มและค่าดัชนีชี้วัดน้ำตาลที่ต่ำ” ภาวิตาเผยต่อว่า จากนี้ไปสหกรณ์ฯจะมีการพัฒนาต่อยอด โดยการนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่าด้วยการทำเป็นบรรจุถุงจำหน่ายถุงละ 1 กิโลกรัมและ 5 กิโลกรัม ภายใต้แบรนด์”ทองดี” หลังจากทุกคนเห็นชอบกับชื่อนี้ ซึ่งเปรียบตัวข้าวตัวนี้เป็นทองคำที่ฟื้นชีวิตให้กับเกษตรกรของจ.อุตรดิตถ์ ขณะเดียวกันคำว่า”ทองดี”ได้พ้องกับ ชื่อเดิมของท่านพ่อพญาพิชัย ทำให้ทุกคนโอเคกับชื่อนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตในการใช้ชื่อแบรนด์นี้ ไม่เฉพาะข้าวที่สร้างชื่อให้กับสหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด ข้าวโพดก็เป็นอีกพืชที่ทำให้สหกรณ์แห่งนี้ มีความโดดเด่น หลังได้รับการคัดเลือกจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้เป็นสหกรณ์ต้นแบบในกลุ่มคลัสเตอร์สหกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถบริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำได้เป็นอย่างดี “สหกรณ์เราได้รับความกรุณาจากสหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ที่ได้ยกระดับจากสหกรณ์ระดับตำบลเป็นสหกรณ์ระดับอำเภอ โดยมีความโดดเด่นในเรื่องการทำธุรกิจรวบรวมผลผลิต ซึ่งที่ผ่านมาสหกรณ์เราไม่ได้ทำข้าวตัวเดียว แต่ยังทำโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาให้กับสมาชิกจนประสบผลสำเร็จ สร้างรายได้ดีและทำให้สหกรณ์ขยายการดำเนินธุรกิจด้านการรวบรวมผลผลิตเพิ่มขึ้นจนถึงปัจจุบัน ส่วนถั่วเขียวก็เป็นพืชอีกตัวที่อยู่ระหว่างการส่งเสริมสมาชิกปลูก เพราะการที่จะปลูกอะไร เราจะทำการหาตลาดก่อนตามนโยบายตลาดนำการผลิตของกรมส่งเสริมสหกรณ์และรัฐบาล ตอนนี้เราเริ่มมีพาสเนอร์คู่ค้าติดต่อเข้ามาบ้างแล้ว ก็จะแนะนำสมาชิกใครเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว ก่อนปลูกข้าวโพดในฤดูฝนถ้าดินชื้นเราก็จะให้ลงถั่วเขียวก่อนเพื่อฟื้นฟูดินด้วย” ในส่วนการช่วยเหลือของกรมส่งเสริมสหกรณ์นั้น เธอย้ำว่าที่ผ่านมา สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด ได้รับโอกาสและการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สหกรณ์มีการพัฒนาในด้านการดำเนินธุรกิจจนสามารถช่วยเหลือดูแลสมาชิกให้มีรายได้ที่มั่นคง นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ สร้างอุปกรณ์การตลาดและจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งเมื่อปลายปีที่แล้วได้รับงบประมาณจำนวน 1.9 ล้านบาท ในการสร้างลานตากขนาด 200 ตารางเมตรสำหรับใช้เป็นที่ตากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ขณะนี้ยังได้ ขอสนับสนุนงบประมาณในการจัดสร้างลานตากและเครื่องอบลดความชื้นเพิ่ม เพื่อให้สหกรณ์มีศักยภาพในการรองรับผลผลิตข้าวโพดและข้าวเปลือกของสมาชิกในพื้นที่ได้เต็มที่มากขึ้น “ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เข้ามาช่วยมากเลย ล่าสุดท่านอธิบดีพิเชษฐ์ วิริยะพาหะและท่านรองวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ ได้มาเยี่ยมที่สหกรณ์ของเรา ท่านก็กรุณาบอกว่าถ้าลานตากไม่พอหรืออุปกรณ์ส่วนไหนขาดในการต่อยอดธุรกิจหรือส่งเสริมอาชีพให้กับสมาชิก ก็ให้เขียนโครงการเสนอของบประมาณเข้าไป และปลายปีที่แล้ว ท่านมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้เดินทางมาที่สหกรณ์ ซึ่งคณะกรรมการและสมาชิกสหกรณ์ที่นี่รู้สึกปลื้มใจที่ผู้ใหญ่หลายท่านได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ พวกเรา” ที่ปรึกษาคนเดิมกล่าวทิ้งท้ายด้วยความภูมิใจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ