เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ เปิดสาขาใหม่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ มุ่งขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลาย

กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ เปิดสาขาที่ 3 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยแต่ละสาขาจะมีเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเมนูอาหารที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามลูกค้าสามารถดื่มด่ำรสชาติที่ดีเยี่ยมของกาแฟแก้วโปรดที่มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา สำหรับสาขาน้องใหม่ที่เปิดบริการที่เซ็นทรัลเวิลด์นี้ ได้เตรียมเครื่องดื่มสุดพิเศษหลากหลายเมนูไว้คอยบริการคอกาแฟให้เลือกลิ้มลอง อาทิ กาแฟพิเศษ หรือสเปเชียลตี้คอฟฟี่ (specialty coffee) อันเลื่องชื่อของ เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ รวมถึงเมนูอื่น ๆ ที่รสชาติเยี่ยมไม่แพ้กัน เช่น “เดอร์ตี้” (Dirty) ที่บาริสต้าจะสกัดกาแฟเอสเพรสโซ่แบบดับเบิ้ลช็อตลงบนนมสดเย็นอย่างช้า ๆ และ “แฟลตไวท์” (Flat White) ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างกาแฟเอสเพรสโซ่ดับเบิ้ลช็อตที่เข้มข้นและนมที่สตรีมจนเนียนนุ่ม นอกจากนี้ยังมีเมล็ดกาแฟ Single Origin หรือเมล็ดกาแฟที่มาจากแหล่งเพาะปลูกเดียว เตรียมไว้ให้เลือกลิ้มลองถึง 12 ตัว ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของ เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนชุมชนผู้เพาะปลูกกาแฟทั่วโลกผ่านโครงการที่ส่งเสริมการค้าขายโดยตรงและยุติธรรม การเปิดสาขาใหม่ที่เซ็นทรัลเวิลด์นี้จะช่วยให้ เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ สามารถขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยสาขานี้จะเน้นกลุ่มพนักงานออฟฟิศในย่านราชประสงค์ นักท่องเที่ยวที่รู้แหล่งช้อปปิ้งสินค้าราคาดีในกรุงเทพฯ กลุ่มมิลเลนเนียล และกลุ่มลูกค้าคนเมือง เนื่องด้วยเซ็นทรัลเวิลด์เป็นทำเลที่มีศักยภาพเพราะตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ และเป็นศูนย์รวมของร้านค้าและร้านอาหารชั้นนำนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ใกล้กับสำนักงานของบริษัทชั้นนำมากมาย ทำให้เป็นสวรรค์แห่งการช้อปปิ้งยอดนิยมทั้งสำหรับชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สำหรับเมนูของสาขาเซ็นทรัลเวิลด์จะเน้นแบบซื้อกลับ (grab and go) รวมถึงอาหารที่เน้นความสะดวกสบาย อาทิ สลัดที่ทำสดใหม่ และเบเกอรี่สไตล์ฮ่องกง ภายในร้านจะมีขนาดกะทัดรัดมีที่นั่งให้บริการจำนวนเพียง 20 ที่นั่ง แต่มีการจัดสรรพื้นที่อย่างลงตัวเพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการนั่งจิบกาแฟและทำภาระกิจให้เสร็จสิ้นได้อย่างสะดวกสบาย เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ เปิดให้บริการสาขาแรก และเป็นสาขาใหญ่ที่สุดในไทยที่โครงการเวลา หลังสวน ที่มีความโดดเด่นด้วยการตกแต่งที่เน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์แบบน้อยชิ้น เสริมบรรยากาศที่ผ่อนคลายด้วยต้นไม้สีเขียวสดชื่น สบายตา และเพิ่มความโปร่งสบายด้วยกระจกบานใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติให้สอดส่องเข้ามาในร้าน พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบ ครบทั้งอาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกาแฟพิเศษ และที่ผ่านมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ ได้ต่อยอดความสำเร็จในไทยด้วยการเปิดสาขาที่ 2 ณ ศูนย์การค้าเกษรวิลเลจ แหล่งรวมหลากหลายแบรนด์ดังระดับไฮเอนด์จากทั่วทุกมุมโลก โดยสาขานี้มีนักช้อปชาวไทยที่มีกำลังซื้อสูง และพนักงานออฟฟิศเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก และสามารถรองรับลูกค้าได้มากถึง 50 ที่นั่ง เกี่ยวกับ “เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์” (The Coffee Academ?cs) นับตั้งแต่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2555 “เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์” (The Coffee Academ?cs) มุ่งมั่นมาโดยตลอดที่จะรังสรรค์กาแฟสุดพิเศษและสร้างชุมชนสำหรับผู้ที่หลงใหลในรสชาติกาแฟให้ได้ดื่มด่ำไปกับกาแฟที่มีมาตรฐานเดียวกันทั้งในด้านรสชาติและคุณภาพที่ร้าน “เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์” ซึ่งมีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก “เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์” เป็นศูนย์รวมของผู้คน ลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่น และประสบการณ์ที่ร่วมแบ่งปันกันระหว่างลูกค้ากับพนักงานของร้าน พร้อมทั้งนำเสนอประสบการณ์คอฟฟี่เฮาส์ที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ปัจจุบัน “เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์” มีทั้งหมด 3 สาขาในประเทศไทย โดยตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ได้แก่ โครงการเวลา สินธร วิลเลจ บนถนนหลังสวน ศูนย์การค้าเกษรวิลเลจ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ทางร้านจึงถือโอกาสนี้ในการแสดงตัวตนและเผยวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจในวงการกาแฟที่กำลังรุ่งโรจน์นี้ “เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์” ยังคงมุ่งมั่นและทุ่มเทที่จะนำกาแฟคุณภาพที่ดีที่สุดมาเสิร์ฟให้คอกาแฟได้ลิ้มลองอย่างต่อเนื่อง โดยทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟชั้นดีที่ได้คะแนนทดสอบด้วยวิธีการคัปปิ้งตั้งแต่ 85 คะแนนขึ้นไปเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพที่ดีของกาแฟ นอกจากนี้ยังได้คัดสรรเฉพาะกาแฟอาราบิก้าพิเศษคุณภาพดีเพียง 5% จากแหล่งปลูกทั่วโลกที่เน้นเรื่องความยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การส่งเสริมการดำรงชีพอย่างยั่งยืน และการสนับสนุนการค้าขายโดยตรงหรือการค้าที่เป็นธรรม การดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ถือเป็นส่วนหนึ่งในดีเอ็นเอของ “เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์” โดย 70% ของรายได้จากกาแฟเฮาส์เบลนด์ของสาขาในฮ่องกงและสิงคโปร์ถูกนำไปร่วมสมทบทุนสนับสนุนองค์กรการกุศลและกิจการเพื่อสังคมทั่วโลก ซึ่งสาขาในไทยก็ได้ดำเนินตามแบบอย่างนี้เช่นเดียวกัน

---