ECF เผยผลประกอบการครึ่งแรกปี 63 รายได้รวม 587.69 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15.30 ล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 14, 2020 11:57 —ThaiPR.net

ECF เผยผลประกอบการครึ่งแรกปี 63 รายได้รวม 587.69 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15.30 ล้านบาท กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--Work Link ECF เผยผลประกอบการครึ่งแรกปี 63 รายได้รวม 587.69 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15.30 ล้านบาท แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เข้าช่วงไฮซีซั่น ออเดอร์ทะลัก เร่งแผนขยายกำลังการผลิต ชูกลยุทธ์บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ลุยขยายตลาดส่งออกโตต่อเนื่อง ขณะที่ในประเทศขยายช่องทางจำหน่ายออนไลน์และโมเดิร์นเทรด ปั๊มรายได้ พร้อมรับรู้กำไรจากธุรกิจพลังงาน โรงไฟฟ้า ดันมาร์จิ้นเพิ่ม นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยถึงผลประกอบการครึ่งแรกปี 2563 ว่า บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 587.69 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 664.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.30 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.37 ล้านบาท หรือลดลง 46.08% ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/2563 บริษัทมีรายได้รวม 293.33 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 305.19 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิเล็กน้อย 1.82 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.43 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทช่วงครึ่งปีแรกปรับตัวลดลง เป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในประเทศ เนื่องจากกลุ่มร้านค้าประเภท Hypermarket อาทิ เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี โฮมโปร ฯลฯ ที่เป็นลูกค้าของบริษัทฯ จำเป็นต้องปิดการขายผ่านสาขาตามคำสั่งของรัฐบาล ขณะที่ลูกค้าต่างประเทศ เนื่องจากรัฐบาลมีคำสั่งล็อคดาวน์ ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ อีกทั้งช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ ลดการพึ่งพากลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น ส่งผลให้ยอดขายการส่งออกเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 2 และขณะนี้ทางบริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าทั้งจากญี่ปุ่น อินเดีย จีน และอเมริกาอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ สำหรับผลขาดทุนเล็กน้อยของไตรมาส 2/2563 ที่เกิดขึ้นนั้น แม้ที่ผ่านมาบริษัทจะสามารถวางแผนควบคุมค่าใช้จ่าย และบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งจะเห็นได้จากต้นทุนการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลง แต่ทั้งนี้การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อรายได้ที่ลดลง ซึ่งบริษัทได้รับผลกระทบนี้เริ่มมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 1 ต่อเนื่องจนถึงไตรมาสที่ 2 คิดเป็นสัดส่วนที่มากกว่าสัดส่วนของค่าใช้จ่ายที่บริษัทสามารถควบคุมและบริหารให้ลดลงได้ สำหรับทิศทางธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น โดยบริษัทมีแผนการขยายตลาดในประเทศ มุ่งเน้นกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางจำหน่ายใหม่ อาทิ จำหน่ายผ่านออนไลน์ ร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศพร้อมกับแผนการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในประเทศผ่านลูกค้าของบริษัท รวมถึงสร้างความหลากหลายของช่องทางการจำหน่ายสินค้า ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ยังสามารถเติบโตได้ดีในไตรมาส 3/63 โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประเทศอินเดีย จีน อเมริกา ญี่ปุ่น มีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามามากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่งผลให้บริษัทวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ 63% และในประเทศอยู่ที่ 37% ด้านธุรกิจพลังงานทดแทนมีแนวโน้มดี เนื่องจากเริ่มรับรู้รายได้ในเชิงพาณิชย์แล้ว โดยในปีนี้คาดว่าจะเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรมากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าภายในปีนี้ จะคาดว่าจะสามารถรักษาการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 10-12% และรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในช่วงใกล้เคียงกันกับปีก่อนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในธุรกิจต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ