สสค.อุดรธานี สร้างองค์ความรู้แก่นายจ้าง ลูกจ้างด้านกฎหมายคุ้มครองแรงงานเพื่อใช้ในการบริหารงานยุค 4.0

กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดอุดรธานี สสค.อุดรธานี จัดโครงการอบรมกฎหมายคุ้มครองแรงงานเพื่อใช้ในการบริหารงานในยุค 4.0 และจัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติแก่คณะทำงานพิจารณาประเมินผลคะแนนสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2560-2563 และสถานประกอบกิจการร่วมใจให้โอกาสผู้เสพผู้ติดยาเสพติดคืนคนดีสู่สังคม โดยมี นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดการอบรม และมีนายชัยวัธน์ ศรมณี สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดอุดรธานี กล่าวรายงาน มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 40 คน นายชัยวัธน์ ศรมณี สค.อุดรธานี กล่าวรายงานว่ากรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมีภารกิจหลักในการคุ้มครองแรงงาน ให้นายจ้าง ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย ได้รับสวัสดิการและมีระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ดีตลอดจนมีความปลอดภัยในการทำงาน โดยมีบทบาทในการคุ้มครองแรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งเป็นกฎหมายหลักเพื่อให้นายจ้างหรือสถานประกอบกิจการใช้บริหารจัดการและดูแลสภาพการจ้างให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำที่ลูกจ้างหรือแรงงานในสถานประกอบกิจการจะต้องได้รับตามที่กำหนด ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เช่น การกำหนดสิทธิการเกษียณอายุของลูกจ้าง การเพิ่มอัตราค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบยี่สิบปีขึ้นไปให้ได้รับไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างสุดท้าย 400 วัน เป็นต้น ความละเอียดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว รอง ผวจ.อุดรธานี ประธานการอบรมกล่าวแสดงความยินดีกับคณะทำงานพิจารณาประเมินผลคะแนนสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2560-2563 และสถานประกอบกิจการร่วมใจให้โอกาสผู้เสพผู้ติดยาเสพติด คืนคนดีสู่สังคม ที่เล็งเห็นความสำคัญและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดอุดรธานีที่มีภารกิจหลัก ในการคุ้มครองแรงงานให้นายจ้าง ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ดังคำกล่าว “นายจ้างอยู่ได้ ลูกจ้างอยู่ดี” ซึ่งปัจจุบันได้มีการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. 2562

---