ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เผยความต้องการที่พักอาศัยในกทม. ของชาวต่างชาติเพิ่มสูงขึ้น

ข่าวทั่วไป Wednesday February 2, 2005 11:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย)
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับตลาดที่พักอาศัยในกรุงเทพมหานครว่า ความต้องการซื้อที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ ของชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบัน ความต้องการในตลาดมาจากผู้ที่ซื้อเพื่อเข้าอยู่อาศัยเอง และนักลงทุนระยะยาวที่ซื้อเพื่อนำมาปล่อยเช่า จากการสำรวจล่าสุดโดยบริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า ประมาณร้อยละ 20 ของจำนวนยูนิตที่เสนอขาย ผู้ซื้อคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งมีทั้งที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน ความต้องการที่พักอาศัยระดับเกรดเอของชาวต่างชาติได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอมีผลตอบแทนที่น่าสนใจ โดยปัจจุบัน อยู่ในระดับอัตราร้อยละ 4-5 นอกจากนี้ยังมีราคาที่ไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้มาตรฐานในระดับสากล จากปริมาณความต้องการดังกล่าว ทำให้มีความเชื่อมั่นว่า ราคาคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยให้ความสนใจโครงการที่มีทำเลที่ตั้งในย่านใจกลางเมืองและอยู่ใกล้กับระบบขนส่งมวลชน”
ตัวอย่างที่ดีและเห็นได้ชัด ก็คือ โครงการแอทธินี เรสซิเดนส์ ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระกับเกรดเอที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ โครงการสูง 41 ชั้นแห่งนี้ ประกอบด้วยห้องชุดจำนวน 219 ยูนิต และสามารถปิดการขายได้ถึง 70% ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น แม้ว่าราคาขายจะสูงถึง 100,000 — 120,000 บาทต่อตารางเมตรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จนั้น มิได้อยู่ที่ทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบและคุณภาพของโครงการเท่นั้น แต่ยังเป็นเพราะผู้ซื้อมีความมั่นใจในผู้พัฒนาโครงการซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด และ บริษัท แคปปิตอล แลนด์ ของสิงคโปร์ รวมทั้งเชื่อมั่นว่ามูลค่าโครงการจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ในด้านปริมาณคอนโดมิเนียม จำนวนคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจมีทั้งสิ้นจำนวน 38,148 ยูนิต แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่ผู้ซื้อมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน (Freehold) จำนวน 36,549 ยูนิต และคอนโดมิเนียมที่ผู้ซื้อถือกรรมสิทธิ์เช่า (Leasehold) จำนวน 1,599 ยูนิต สำหรับอัตราการเข้าพักอาศัยอยู่ที่ระดับ 86.4% ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ระดับ 83.7% จากระยะเวลาการก่อสร้างที่ทางบริษัทผู้พัฒนาโครงการกำหนดไว้ แสดงให้เห็นว่า จะมีห้องชุดทั้งสิ้น 4,546 ยูนิตที่จะแล้วเสร็จภายในปี 2548 นี้, 5,679 ยูนิตในปี 2549 และ อีก 3,185 ยูนิตในปี 2550
นางสาวอลิวัสสากล่าวว่า “จากการที่ตลาดคอนโดมิเนียมมีการแข่งขันสูงขึ้น รวมทั้งสถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการให้สินเชื่อกับผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ทำให้เราเห็นการชะลอตัวของการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ที่บ่งบอกถึงภาวะความต้องการที่แท้จริงของตลาด และการเข้าสู่ภาวะที่สมดุลกันระหว่างจำนวนโครงการที่เปิดตัวกับปริมาณความต้องการของตลาด”
แม้ว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะมีการแข่งขันสูงขึ้น แต่ราคาสำหรับคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงราคาโดยเฉลี่ยสำหรับคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอที่เสร็จสมบูรณ์แล้วและมีทำเลตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิทอยู่ระหว่าง 80,000 — 85,000 บาทต่อตารางเมตร หรือในย่านถนนวิทยุอยู่ระหว่าง 100,000 — 120,000 บาทต่อตารางเมตร
ปัจจุบัน ตลาดที่พักอาศัยในกรุงเทพ ฯ กำลังขยายดัวไปสู่ตลาดในต่างประเทศมากขึ้น ผู้ซื้อคอนโดมิเนียมชาวต่างชาติมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักธุรกิจที่ต้องเดินทางมาทำงานในภูมิภาคนี้ ให้ความสนใจเป็นอย่างมากในการซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพ ฯ
โดยส่วนใหญ่ ผู้ซื้อชาวต่างชาติมาจากแถบยุโรปเป็นหลัก คิดเป็นร้อยละ 40 ตามมาด้วยผู้ซื้อจากในเอเชียร้อยละ 38 จากแถบอเมริการ้อยละ 19 และจากทวีปออสเตรเลียร้อยละ 5 ปริมาณครึ่งหนึ่งของผู้ซื้อดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทยและต้องการเข้าอยู่อาศัย ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นนักลงทุนระยะยาวที่พำนักอยู่ในต่างประเทศ และต้องการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่า โดยคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนในระดับร้อยละ 4-6 หรือวางแผนที่จะเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้
ปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ นั้นเกิดจาก คุณภาพของสินค้า ซึ่งเทียบได้กับเมืองใหญ่ ๆ แห่งอื่นในโลก ผลตอบแทนการลงทุนในระดับที่เหมาะสม อัธยาศัยที่ดีของคนไทย และระดับค่าครองชีพที่ไม่สูงนัก
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่า ความต้องการซื้อของชาวต่างชาติในโครงการคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีคุณภาพนั้น จะยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อไป รวมทั้งเป็นที่คาดการณ์ว่า แนวโน้มราคาสำหรับโครงการดังกล่าวจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างเนื่องในปี 2548 นี้
เกี่ยวกับบริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครลอสแองเจลลิส ให้บริการแก่ เจ้าของโครงการ นักลงทุน และผู้ซื้อรายย่อย ครอบคลุมตลาดมากกว่า 300* แห่ง ใน 50* ประเทศทั่วโลก
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เริ่มเปิดให้บริการในประเทศไทยครั้งแรกในปีพ.ศ.2531 โดยให้บริการด้านการเป็นตัวแทนในการซื้อ ขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้าน คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนท์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ อาคารสำนักงาน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอุตสาหกรรม โรงแรม ที่ดิน และให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ซึ่งรวมถึง การให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การวิจัยตลาด และการประเมินราคาทรัพย์สิน นอกจากนี้ ยังให้บริการในด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์ด้วยมาตรฐานในระดับสากล หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการ สามารถเข้าชมได้ที่ www.cbre.co.th
* รวมสำนักงานที่เป็นหุ้นส่วน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
นางสาว อลิวัสสา พัฒนถาบุตร
กรรมการผู้จัดการ
โทร. 02 654 1111
นางสาวงามใจ เจียรจรัส
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร
โทร.02 654 1111 ต่อ 522
คุณจารุวรรณ
โทร. 02 654-1111 ต่อ 523--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ