กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ
นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย รองผู้อำนวยการสถาบัน รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ให้เกียรติร่วมงาน NESP Innovation Fair 2020 มหกรรมการแสดงผลงานนวัตกรรมของเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NESP) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 20 กันยายน 2563 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า โคราช
นายสุเมธ กล่าวว่า “สถาบันได้รับเกียรติเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ชุดผ้าไหมไทย กับเครื่องประดับสุขภาพจัดโดยเทคโนธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ภายในงาน NESP Innovation Fair 2020 มหกรรมการแสดงผลงานนวัตกรรมของเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NESP) โดยได้รับเกียรติจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จัทรโณทัย เข้าร่วมรับชมและให้กำลังใจเหล่านางแบบกิติมศักดิ์ นางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา เพื่อแสดงผลงานอัตลักษณ์ผ้าพื้นเมืองกลุ่มนครชัยบุรินทร์ เครื่องประดับเพื่อสุขภาพ (Beyond Jewelry) เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าพื้นถิ่น ผ้าไหม อันเป็นอัตลักษณ์ของกลุ่มนครชัยบุรินทร์ ผสมผสานเข้าด้วยนวัตกรรมผลงานวิจัย เครื่องประดับเพื่อสุขภาพที่มีคุณสมบัติฟอกอากาศและดักจับฝุ่น PM 2.5 เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น”
สถาบันฯ ดำเนินโครงการพัฒนาเครื่องประดับเพื่อสุขภาพร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและภาคเอกชน ในการพัฒนารูปแบบเครื่องประดับ โดยนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีด้านสุขภาพ ซึ่งสามารถตอบโจทย์กระแสความต้องการในปัจจุบัน มาประกอบกับการออกแบบเครื่องประดับและการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ต่อยอดรูปแบบสินค้า ยกระดับรูปแบบและคุณภาพสินค้าเครื่องประดับให้มีประโยชน์ใช้สอย เพื่อขยายโอกาสทางการตลาดและเพิ่มช่องทางการค้า จนสำเร็จเป็นเครื่องประดับที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
ทั้งนี้ เครื่องประดับเพื่อสุขภาพชุดนี้ ถือเป็นเครื่องประดับต้นแบบ เพื่อเป็นการสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับให้มีคุณสมบัติที่เป็นมากกว่าเครื่องประดับทั่วไป นอกจากนี้แล้วยังสนับสนุนให้เกิดการต่อยอดความรู้สู่การสร้างนวัตกรรมจากงานวิจัย ให้ตรงกับแนวโน้มหรือกระแสความต้องการของตลาดอัญมณีและเครื่องประดับต่อไป
GIT โชว์ความสำเร็จโครงการพัฒนาเครื่องประดับเพื่อสุขภาพ (Beyond Jewelry)
ข่าวทั่วไป Thursday September 24, 2020 14:30 —ThaiPR.net
กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ
นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย รองผู้อำนวยการสถาบัน รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ให้เกียรติร่วมงาน NESP Innovation Fair 2020 มหกรรมการแสดงผลงานนวัตกรรมของเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NESP) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 20 กันยายน 2563 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า โคราช
นายสุเมธ กล่าวว่า “สถาบันได้รับเกียรติเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ชุดผ้าไหมไทย กับเครื่องประดับสุขภาพจัดโดยเทคโนธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ภายในงาน NESP Innovation Fair 2020 มหกรรมการแสดงผลงานนวัตกรรมของเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NESP) โดยได้รับเกียรติจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จัทรโณทัย เข้าร่วมรับชมและให้กำลังใจเหล่านางแบบกิติมศักดิ์ นางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา เพื่อแสดงผลงานอัตลักษณ์ผ้าพื้นเมืองกลุ่มนครชัยบุรินทร์ เครื่องประดับเพื่อสุขภาพ (Beyond Jewelry) เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าพื้นถิ่น ผ้าไหม อันเป็นอัตลักษณ์ของกลุ่มนครชัยบุรินทร์ ผสมผสานเข้าด้วยนวัตกรรมผลงานวิจัย เครื่องประดับเพื่อสุขภาพที่มีคุณสมบัติฟอกอากาศและดักจับฝุ่น PM 2.5 เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น”
สถาบันฯ ดำเนินโครงการพัฒนาเครื่องประดับเพื่อสุขภาพร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและภาคเอกชน ในการพัฒนารูปแบบเครื่องประดับ โดยนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีด้านสุขภาพ ซึ่งสามารถตอบโจทย์กระแสความต้องการในปัจจุบัน มาประกอบกับการออกแบบเครื่องประดับและการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ต่อยอดรูปแบบสินค้า ยกระดับรูปแบบและคุณภาพสินค้าเครื่องประดับให้มีประโยชน์ใช้สอย เพื่อขยายโอกาสทางการตลาดและเพิ่มช่องทางการค้า จนสำเร็จเป็นเครื่องประดับที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
ทั้งนี้ เครื่องประดับเพื่อสุขภาพชุดนี้ ถือเป็นเครื่องประดับต้นแบบ เพื่อเป็นการสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับให้มีคุณสมบัติที่เป็นมากกว่าเครื่องประดับทั่วไป นอกจากนี้แล้วยังสนับสนุนให้เกิดการต่อยอดความรู้สู่การสร้างนวัตกรรมจากงานวิจัย ให้ตรงกับแนวโน้มหรือกระแสความต้องการของตลาดอัญมณีและเครื่องประดับต่อไป