สร้างความสำเร็จทั้งด้านรายได้และกำไรจากการดำเนินงาน จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์
แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) เผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 มีรายได้รวม 14.24 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 4.41 แสนล้านบาท) และผลกำไรจากการดำเนินงาน 807.14 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 2.50 หมื่นล้านบาท) สร้างสถิติยอดขายและผลกำไรประจำไตรมาสที่ 3 สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 62 ปีของแอลจี เป็นผลมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งมียอดขายรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 และผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.7 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ รายงานรายได้ประจำไตรมาสที่ 3 ที่ 5.18 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.61 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 จาก ไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายประจำไตรมาสสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์จาก ความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยี SteamTM เช่น เครื่องซักผ้าและตู้ถนอมผ้า LG Styler และยังได้สร้างสถิติผลกำไรจากการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 565.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.75 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 56.6 จากไตรมาสเดียวกันกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ กำไรจากการดำเนินงานที่ร้อยละ 10.9 ยังนับเป็นการสร้างกำไรจากการดำเนินงานประจำไตรมาสในอัตราเลขสองหลักต่อเนื่องเป็นครั้งที่สาม และคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 จากกลยุทธ์ในการลดต้นทุนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ประกาศยอดขายในไตรมาสที่ 3 ที่ 3.09 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 9.58 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นผลจากความต้องการที่สูงขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียม เช่น ทีวี OLED และทีวีขนาดใหญ่ ในตลาดที่เติบโตเต็มที่อย่างอเมริกาเหนือและยุโรป ส่วนผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 274.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 8.52 พันล้าน) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 13.2 เป็นผลจากแผนการลงทุนด้านการตลาดที่มีกลยุทธ์มากยิ่งขึ้น แม้จะต้องประสบความท้าทายจากราคาจอ LCD ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าสานต่อความสำเร็จด้วยการเพิ่มสัดส่วนทีวี พรีเมียมและยอดขายทางออนไลน์มากขึ้น
กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ สร้างยอดขาย 1.28 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3.79 หมื่นล้านบาท) ในไตรมาสที่ 3 ยังคงระดับต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ร้อยละ 16.5 ในขณะที่ผลการดำเนินงานขาดทุนน้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่ 124.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3.87 พันล้านบาท) เนื่องจากการเพิ่มศักยภาพในการผลิต การลดต้นทุนจากการผลิตสินค้าแบบ ODM (original design manufacturing) และความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดรวม ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนที่จะเสริมความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดรวมในอเมริกาเหนือและละตินอเมริกา พร้อมเดินหน้าพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ เผยรายได้ประจำไตรมาสที่ 1.39 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 4.31 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานขาดทุน 55.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.73 พันล้านบาท) ซึ่งขาดทุนน้อยลงกว่าไตรมาสที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลจากจากการเริ่มต้นการผลิตแบบ OEM อีกครั้ง รวมถึงการบริหารต้นทุนในอเมริกาเหนือและยุโรป โดยในไตรมาสที่ 4 บริษัทฯ ได้วางแผนเพิ่มยอดขายจากการบริหารจัดการซัพพลายเชนอย่างจริงจัง และเพิ่มผลกำไรมากขึ้นด้วยการจัดการต้นทุนที่ดียิ่งขึ้น
กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร?สร้างยอดขายในไตรมาสที่ 3 ที่ 1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3.88 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 จากไตรมาสก่อนหน้านี้ และลดลงร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 64.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 2.01 พันล้านบาท) ลดลงร้อยละ 31.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และลดลงร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรให้ดียิ่งขึ้นในไตรมาสสุดท้าย ทางบริษัทวางแผนที่จะเน้นให้ความสำคัญกับโอกาสในการเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางดิจิทัลมากยิ่งขึ้น รวมถึงปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ และดำเนินกิจกรรมทางการตลาดแบบออนไลน์อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของไตรมาสที่ 3 ปี 2563รายได้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบด้านบัญชีประจำไตรมาสของ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ IFRS (International Financial Reporting Standards) สำหรับช่วงสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาสเดียวกัน โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2563 อยู่ที่ 31 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ (ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย)
เกี่ยวกับ แอลจี อีเลคทรอนิคส์แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ เป็นผู้สร้างนวัตกรรมระดับโลกทั้งด้านเทคโนโลยีและการผลิตใน 140 แห่ง พร้อมพนักงานมากกว่า 70,000 คนทั่วโลก ในปี 2018 ยอดขายทั่วโลกอยู่ที่ 54.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยแอลจีประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจห้ากลุ่ม คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและโซลูชั่นส์เครื่องปรับอากาศ โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ โทรศัพท์มือถือ โซลูชั่นส์ผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ และกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ทั้งนี้ แอลจีถือเป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกสำหรับผลิตภัณฑ์ที ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และโทรศัพท์มือถือ รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมอย่าง LG SIGNATURE และ LG ThinQ ที่มาพร้อมกับปัญญาประดิษฐ์หรือ AI สำหรับข้อมูลข่าวสารล่าสุดของแอลจี สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.LGnewsroom.com
เกี่ยวกับ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ในประเทศไทยบริษัทแอลจี อีเลคทรอนิคส์ ประเทศไทย (จำกัด) หนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านภายใต้แบรนด์ แอลจี โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวขึ้นสู่ความเป็นแบรนด์ชั้นนำของเมืองไทยที่จะเติมเต็มชีวิตของผู้บริโภคชาวไทยด้วยนวัตกรรมระดับโลกโดยในประเทศไทยนั้น ประกอบไปด้วย 3 หน่วยธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ธุรกิจเครื่องปรับอากาศและโซลูชั่นด้านพลังงานแอลจีเป็นผู้นำด้านการผลิตทีวีจอแบน อุปกรณ์ภาพและเสียง เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และตู้เย็นที่มีคุณภาพระดับโลก นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นทั้งด้านดีไซน์ เทคโนโลยีและคุณภาพที่วางใจได้แล้ว แอลจียังมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ผ่านกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบที่น่าสนใจและหลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับสโลแกน "Life?s Good"
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับแอลจีได้ที่ www.LGnewsroom.com และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอลจี ประเทศไทย ได้ที่ www.lg.com/th