STGT คาดนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เดือน เม.ย.-พ.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 9, 2021 09:37 —ThaiPR.net

STGT คาดนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เดือน เม.ย.-พ.ค.นี้

บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ หรือ STGT แจงความคืบหน้านำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ คาดพร้อม
นำหุ้นเข้าเทรดในเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้ ย้ำไม่มีการออกหรือเสนอขายหุ้นใหม่ มั่นใจภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 64 ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องจากดีมานด์ถุงมือยางที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากในการฉีดวัคซีนยังจำเป็นต้องใช้ถุงมือยาง และมีคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า หนุนราคาขายไตรมาสแรกยังเพิ่มขึ้น

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ มีมติอนุมัติให้เตรียมการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (Secondary Listing by way of Introduction) ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดเตรียมข้อมูลและเอกสารต่างๆ เพื่อนำเสนอต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์พิจารณาอนุมัติ คาดว่ากระบวนการต่างๆ จะแล้วเสร็จและสามารถนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนและซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ภายในเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่มีการออกหรือเสนอขายหุ้นใหม่ เพื่อรองรับการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ แต่จะเป็นการนำหุ้นเดิมของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เข้าซื้อขายบนกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เพื่อรองรับการขยายฐานผู้ถือหุ้นให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น เพิ่มช่องทางระดมทุนในอนาคต ตลอดจนทำให้บริษัทฯ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในระดับภูมิภาค

"หลังจากได้รับการอนุมัติจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ บริษัทฯ จะเปิดเผยข้อมูลและเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในเวลาเดียวกันจัดให้มีกลไกการโอนหุ้นระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์" นางสาวจริญญา กล่าว

กรรมการผู้จัดการใหญ่ STGT กล่าวต่อว่า ขณะที่ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2564 มั่นใจจะสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แม้หลายประเทศเริ่มทยอยฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตามในการฉีดวัคซีนก็มีความจำเป็นต้องใช้ถุงมือยางและการสวมใส่ถุงมือยางในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม กลายเป็นพฤติกรรม New Normal ในสังคม

ขณะที่สถานการณ์ราคาถุงมือยางยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2563 เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงมีคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า โดยถุงมือยางธรรมชาติมีออเดอร์ล่วงหน้า 13 เดือน และถุงมือยางไนไตรล์
มีออเดอร์ล่วงหน้า 30 เดือน มั่นใจดีมานต์ยังคงแข็งแกร่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ