นาซัลลีซ (Nasaleze) ดักจับ ป้องกัน โรคภูมิแพ้ ท่ามกลางโควิด-19 และฝุ่นPM 2.5

ข่าวทั่วไป Monday April 5, 2021 09:17 —ThaiPR.net

นาซัลลีซ (Nasaleze) ดักจับ ป้องกัน โรคภูมิแพ้ ท่ามกลางโควิด-19 และฝุ่นPM 2.5

ด้วยสภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM 2.5 หรือโรคโควิด-19  ล้วนเป็นสิ่งกระตุ้นที่ก่อให้เกิดความรุนแรงของโรคทางเดินหายใจ การป้องกัน ดูแล สุขภาพร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ผลิตภัณฑ์นาซัลลีซ สเปรย์พ่นจมูกดักจับและป้องกันสารก่อภูมิแพ้ ที่ผ่านการทดสอบทางคลินิกและได้การยอมรับจากสมาคมโรคภูมิแพ้แห่งสหรัฐอเมริกาว่าเป็นตัวป้องกันสารก่อภูมิแพ้ได้

ผลิตภัณฑ์นาซัลลีซ อัลเลอจี บลอคเกอร์ ( Nasaleze Allergy Blocker)  สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง (powder nasal spray) ผลิตจากสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อดักจับและป้องกันไม่ให้สารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูก โดยผลิตภัณฑ์นาซัลลีซ มีผลการวิจัยศึกษายืนยันประสิทธิภาพในการลดอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล มีส่วนประกอบที่สำคัญ คือHydroxypropyl Methylcellulose (HPMC) หรือเรียกว่าผงเซลลูโลสจากเปลือกต้นสนจากประเทศอังกฤษ ที่มีคุณประโยชน์ทางเวชภัณฑ์ ป้องกันไม่ให้สารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูก ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการภูมิแพ้หรือแพ้อากาศ

นาซัลลีซ ได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานประชุมวิชาการประจำปีจากสมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย ภายในงานมีการให้ความรู้ สาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้หอบหืด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันต่าง ๆ พร้อมทั้งแนะนำการป้องกัน การรักษา และที่สำคัญเมื่อเป็นโรคภูมิแพ้หอบหืด การฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 จะมีผลข้างเคียงมากกว่าคนปกติหรือไม่ อีกทั้งยังให้คำแนะนำเรื่องการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีในสภาวะแวดล้อมที่มีทั้งฝุ่น PM 2.5 หรือการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรในปัจจุบัน

เมื่อคนเป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ โรคหอบหืด ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 จะได้รับผลข้างเคียงร้ายแรง มากกว่าคนปกติหรือไม่ อย่างไร รศ.พญ.นฤชา จิรกาลวสาน สาขาวิชาอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤติ ภาควิชาอายุรศาสตร์คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การที่เป็นโรคภูมิแพ้จมูกก็เป็นตัวกระตุ้นทำให้เป็นโรคอื่น ๆ ตามมาอย่างเช่น โรคโควิด-19 มีการพูดถึงว่ากลุ่มคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ และคนที่เป็นโรคหอบหืดมีโอกาสติดโควิด-19 ง่ายกว่าคนปกติโดยมีการวิจัยจาก ต่างประเทศพบว่ากลุ่มคนพวกนี้จะมีการลดลงของภูมิคุ้มกัน หรือเรื่องของการตอบสนองต่อการอักเสบที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ไวรัสมีโอกาสที่จะเข้าเซลล์ได้มากกว่าคนปกติ และจะทำให้มีอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไปอีกด้วย

"ถ้าเรามีโอกาสจะได้รับวัคซีนก็ควรจะรับวัคซีนเพราะโดยทั่วไปค่อนข้างปลอดภัย ทั้งโลกมีความรุนแรงอยู่ที่ 1-4ต่อล้านโดสที่ฉีด ความรุนแรงถือว่าน้อยมาก ที่เมืองไทยมีการฉีดไป 30,000 กว่าโดส มีอาการข้างเคียงเพียง 8% แต่ไม่รุนแรง แนะนำให้ฉีดโดยเฉพาะกลุ่มคนไข้ที่เป็นภูมิแพ้ไม่พบว่ามีความเสี่ยงในการที่ฉีดวัคซีนแล้วจะมีอาการรุนแรงกว่าคนปกติ ยกเว้นในกรณีที่เคยมีประวัติแพ้วัคซีนมาก่อนและแพ้แบบรุนแรงกลุ่มนี้ก็ต้องระวัง โดยกลุ่มคนเป็นโรคทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ หรือโรคหอบหืด ควรทำร่างกายให้แข็งแรงก่อนฉีดวัคซีน"รศ.พญ.นฤชา กล่าวทิ้งท้าย

ภายในงานยังมีการให้ความรู้เรื่องการดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคภูมิแพ้โดย ศ.ดร.พญ. อรพรรณ โพชนุกูล นายกสมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทยและผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านโรคภูมิแพ้ โรคหืด และโรคระบบทางเดินหายใจ จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า การรักษาโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจในปัจจุบันหลัก ๆ ต้องหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น คือปัจจัยสำคัญ โอกาสที่คนไข้จะหายก็ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิต 1.ถ้าคนไข้ใช้ยาไปแต่ไม่หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นมันก็จะหายยาก 2.การปรับไลฟ์สไตล์เพราะโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้จะเกี่ยวกับการอดนอนหรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ เครียด ไม่ได้ออกกำลังกาย ก็จะมีผล เพราะโรคภูมิแพ้ถ้าอยากมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืนต้องปรับเปลี่ยนเรื่องการใช้ชีวิต พฤติกรรมการกิน แนวทางในการต่อสู้กับโรคนี้ คือปฎิบัติตัวให้ดีตามคำแนะนำของคุณหมอนั่นเอง

ผศ.พญ. ทิชา ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์ สาขาวิชาโรคภูมิแพ้อิมมูโนวิทยาและโรคข้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การป้องกันสำหรับผู้ที่ไม่เป็นภูมิแพ้และผู้ที่เป็นภูมิแพ้ควรมีการทำเช็คลิสต์ว่าเรามีอาการของคนเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่เช่น คันตา คัดจมูก ไอ หูอื้อ หายใจอึดอัด คันเนื้อคันตัว ถ้าเรามีอาการเหล่านี้ก็จะเป็นภูมิแพ้อ่อน ๆ ยิ่งมลพิษในปัจจุบัน ที่มีทั้ง PM2.5 การฝึกล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออย่างถูกวิธีก็ยิ่งจำเป็น แต่ถ้าทำแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นก็ต้องใช้ยาพ่นจมูกด้วยสเตรียรอยด์ เพราะยากลุ่มนี้ตอบสนองค่อนข้างเร็ว ยารุ่นใหม่ออกฤทธิ์เฉพาะที่ใช้ไม่เกิน 2 อาทิตย์อาการก็จะดีขึ้น และยังสามารถใช้ตามอาการได้เลย เพราะเมื่อไหร่ที่เราทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงโอกาสที่สารก่อภูมิแพ้จะไปกระตุ้นส่วนอื่น ทำให้เกิดอาการเช่น คันเนื้อคันตัว หอบหืด มันก็จะหายไปส่วนคนที่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอยู่แล้วก็จะยิ่งแข็งแรงขึ้นไป

ภูมิแพ้เป็นโรคที่เจอบ่อยมาก ใน 3 คน เป็น 1 คน หรือ 2 คน เป็น 1 คน ดูแลตัวเองง่าย ๆ ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ หรือพ่นจมูกเพราะว่าอาการจะหายไปอย่างรวดเร็วและใช้ตามอาการเราเจอมลพิษทุกวันเอาตัวเองให้แข็งแรงไว้ก่อน การออกกำลังกายหรือแม้แต่การเดินขึ้นลงบันได แค่จัดเวลาตามที่เรามี ผศ.พญ. ทิชา กล่าวเพิ่มทิ้งท้าย

จะเห็นว่าโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจกับโรคหอบหืดมีความเหมือนและแตกต่างกัน ระบบทางเดินหายใจของคนเรานั้นเชื่อมถึงกันโดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนบนและส่วนล่าง ส่วนบนจะเริ่มตั้งแต่ด้านบนลงมาถึงคอหอย ถัดจากคอหอยลงมาคือส่วนล่างก็จะเกี่ยวกับโรคปอดและหลอดลม โดยโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เมื่อได้รับสารกระตุ้นเข้ามาจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายในคนปกติ  แต่เมื่อคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ก็จะมีอาการอักเสบเกิดขึ้น เช่น มีอาการอักเสบของทางเดินหายใจส่วนบน คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอจาม และถ้าอาการอักเสบไหลไปสู่หลอดลมส่วนล่างก็เป็นสาเหตุให้เกิดโรคหืดได้นั่นเอง

โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดได้กับทุกคนทุกเพศทุกวัยอยู่ที่ว่าแต่ละคนนั้นจะมีอาการมากน้อยแตกต่างกัน สาเหตุก็มาจากสภาวะแวดล้อมที่เป็นมลพิษ ที่เราต้องพบเจอในชีวิตประจำวันการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ล้วนทำได้ยาก เพราะฉะนั้นเมื่อเราเป็นโรคภูมิแพ้เราต้องหาสาเหตุว่าแพ้อะไรเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ป้องกันเมื่อเวลาออกไปข้างนอกควรมีการใส่หน้ากาก เลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นเยอะ ๆ นอกจากการปรับพฤติกรรมก็จะมีการใช้ยา ยาแก้แพ้ ยาพ่น การใช้ยาสเตียรอยด์ทางจมูก หรือการล้างจมูกจากน้ำเกลือเพื่อช่วยเอาสารแพ้ออกจากจมูก การใช้ยารักษาตามอาการจึงถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดี และเมื่อใช้อย่างถูกวิธีก็สามารถทำให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น

ท่านสามารถติตามข้อมูลข่าวสารข้อมูลให้ความรู้ได้ที่ Facebook Fanpage : Nasaleze Thailand


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ