กูรูหุ้นเชียร์ "ซื้อ" EKH เคาะเป้า 7 บ./หุ้น ชี้วิกฤติโควิด-19 ดึงผู้ป่วยในและนอกพุ่ง ประเมินกำไรปี 64-66 โตเฉลี่ย 27%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 16, 2021 17:02 —ThaiPR.net

กูรูหุ้นเชียร์

กูรูหุ้นจาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ "ซื้อ" หุ้น บมจ. เอกชัยการแพทย์ หรือ EKH ชี้เป้าราคาพื้นฐานอยู่ที่ 7 บาท ชูจุดเด่นได้แรงหนุนจากผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยในเพิ่มจากวิกฤติโควิด-19ต่อเนื่อง ดันยอดผู้ใช้บริการเข้ารับการตรวจไวรัสคึกคัก รวมถึงมีแผนนำกัญชามาใช้รักษาโรคมะเร็ง พร้อมบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเมินกำไรปี 64-66 เติบโตเฉลี่ยปีละ 27% ชี้เป้าราคาพื้นฐานอยู่ที่ 7 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอ วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ ระบุว่า บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) (EKH) เป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ ในจังหวัดสมุทรสาคร และเป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวในจังหวัดสมุทรสาครที่ให้บริการด้านการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) โดยมีรายได้จากศูนย์แม่และเด็กช่วงปี 2558-2563 เติบโตเฉลี่ย 16% และคิดเป็น 33% ของรายได้รวม และโรงพยาบาลเน้นคนไข้เงินสดเป็นหลัก ปัจจุบันมี 142 เตียง และห้องผู้ป่วยใน (OPD) จำนวน 44 ห้อง

สำหรับปี 2564 คาดว่า รายได้จะเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากคนไข้ที่ชะลอมาใช้บริการในปี 2563 กลับมามากขึ้นในปีนี้ โดยมีรายได้จากการให้บริการด้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งคาดไว้ที่ 55 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 323% เทียบกับปีก่อน ส่วนรายได้จากการให้บริการ IVF เติบโต 13% เทียบกับปีก่อน เป็น 67 ล้านบาท และรายได้จากศูนย์กุมารเวชเติบโตก้าวกระโดด คาดกำไรสุทธิปี 2564-2566 จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 27% โดยคาดการณ์กำไรสุทธิแต่ละปีขยายตัวเพิ่มขึ้น 41%,23%,17% ตามลำดับ

จากการเปิดให้บริการศูนย์ IVF ในปี 2562 การกลับมาของคนไข้จีนที่จะทำให้รายได้ IVF เพิ่มขึ้นในระยะยาว รายได้เพิ่มขึ้นหลังใช้วัคซีนโควิดกันแพร่หลาย และการลดค่าใช้จ่ายดำเนินงาน อัตรากำไรมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตาม EKH เป็นโรงพยาบาลที่มีอัตรากำไรขั้นต้น(GPM) สูง รองจาก BH โดยในปี 2562 อยู่ที่ 42.5% แต่ในปี 2563 ลดลงเป็น 30.7% เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้รายได้จาก IVF ที่มาร์จิ้นสูงลดลงไปมาก และมี Economy scale น้อยลง ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่า GPM จะฟื้นตัวได้ใน 3 ปีข้างหน้า ประกอบกับ EKH มีแผนจะเปิดโรงพยาบาลเล็กขนาด 39 เตียง เน้นคนไข้สูงอายุในไตรมาส1/2565 ที่ถนนพระราม 2 ซอย 33 ใช้เงิน ลงทุน 110 ล้านบาท ระยะเวลาคืนทุนราว 6 ปี ผู้บริหารคาดว่าจะทำกำไรสุทธิได้ในปี 2566 และผู้บริหารสนใจที่จะนำกัญชามาใช้ในการรักษาพยาบาล เช่น โรคทางด้านมะเร็ง

ดังนั้นฝ่ายวิจัย จึงแนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 7 บาท(DCF,WACC 8%,TG 2%) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยเป็นเงินสดสุทธิ คาดการณ์ DY ปี 2564 ไว้ที่ 2.6% และปี 2465 ที่ 3.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ