NER ปรับเป้ารายได้ปี 64 เป็น 2.45 หมื่นล้านบาท จากความสามารถการผลิตเพิ่มขึ้น และการขายล่วงหน้า

ข่าวทั่วไป Tuesday June 8, 2021 08:57 —ThaiPR.net

NER ปรับเป้ารายได้ปี 64 เป็น 2.45 หมื่นล้านบาท  จากความสามารถการผลิตเพิ่มขึ้น และการขายล่วงหน้า

บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ปรับเป้ารายได้ปี 2564 จาก 2.2 หมื่นล้านบาท เป็น 2.45 หมื่นล้านบาท จากความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น และการขายล่วงหน้า นอกจากนี้ในปลายปี 2564 บริษัทมีแผนจะขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50,000 ตัน จาก 460,000 ตัน เป็น 510,000 ตัน เพื่อรองรับลูกค้าทั้งรายใหม่และรายเก่าที่ต้องการสั่งสินค้าเพิ่มขึ้น

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยในงาน Opportunity Day ประจำไตรมาส 1/2564 ว่าบริษัทได้มีปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 64 เป็น 2.45 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท และเพิ่มเป้าปริมาณขายขึ้นเป็น 4.4 แสนตัน จาก 4.1 แสนตัน เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น ที่สามารถรองรับยอดขายโดยขณะนี้ยอดขายของบริษัทครอบคลุมไปจนถึงไตรมาส 4 และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าจากสิงคโปร์และอินเดีย ประกอบกับราคายางปรับขึ้นต่อเนื่อง และได้ลูกค้าใหม่เพิ่มหลายราย

สำหรับทิศทางราคายางนั้นยังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยคาดราคายางแผ่นรมควันเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 75 บาท/ก.ก. จากปัจจุบันอยู่ที่ 66 บาท/ก.ก. เทียบปีก่อนที่ 55 บาท/ก.ก. ซึ่งการที่ราคายางที่ปรับขึ้นมาจากปัจจัยโควิด เนื่องจากซัพพลายน้ำยางข้นถูกนำไปใช้ผลิตถุงมือยางเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ซัพพลายหายไปพอสมควร และคาดว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิดกลับมาดีขึ้น จากความต้องการใช้ยางพาราก็จะมากขึ้นทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ การขนส่ง โลจิสติกส์ นอกจากนี้บริษัทคาดการณ์ว่าจะเห็นภาพรวมความต้องการใช้ยางพาราทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2565 จากการที่ทั่วโลกสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซพิษไอเสียรถยนต์สู่อากาศนั้น ทำให้ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด และรถยนต์พลังงานเซลส์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนทั่วโลกมียอดขายที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ในปลายปี 2564 บริษัทมีแผนจะขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50,000 ตัน จาก 460,000 ตัน เป็น 510,000 ตัน โดยจะลงทุนซื้อเครื่องจักรประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อรองรับลูกค้าทั้งรายใหม่และรายเก่าที่ต้องการสั่งสินค้าเพิ่มขึ้น สำหรับสัดส่วนรายได้ปี 2564 ทางบริษัทยังวางนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 60 : 40 ซึ่งในสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศแบ่งเป็น จีน 70% , ญี่ปุ่น 20% และอื่นๆอีก 10% เช่นสิงคโปร์ อินเดีย บังคลาเทศ เป็นต้น โดยมองว่าเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมของลูกค้าในประเทศที่มีการเพิ่มกำลังการผลิตจากการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนย้ายมาตั้งโรงงานอยู่ที่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น และลูกค้าต่างประเทศที่มีความต้องการใช้ยางธรรมชาติอยู่

ทั้งนี้บริษัทขอแจ้งวันใช้สิทธิ NER W1 ครั้งที่ 2 วันที่ 15 มิถุนายน 2564 สำหรับอัตราและราคาการใช้สิทธินั้นใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทได้ 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1.80 บาทต่อหุ้น ด้านระยะเวลาแจ้งความจำนงการใช้สิทธิ และขอรับใบแจ้งความจำนงการใช้สิทธิ ในวันที่ 8 - 11 มิถุนายน 2564 และวันที่ 14 มิถุนายน 2564 ตั้งแต่เวลา 09 .00 - 15 .30 น.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ