'อ่าวอัลกัว' ในแอฟริกาใต้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกวาฬแห่งใหม่

ข่าวทั่วไป Wednesday June 30, 2021 10:37 —ThaiPR.net

'อ่าวอัลกัว' ในแอฟริกาใต้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกวาฬแห่งใหม่

การขึ้นทะเบียนมรดกโลกของวาฬแห่งใหม่นี้ ทำให้แอฟริกาใต้เป็นประเทศเดียวในโลกที่มีแหล่งมรดกโลกของวาฬถึงสองแห่งด้วยกัน

แหล่งมรดกโลกของวาฬ (Whale Heritage Sites; WHS) เป็นรูปแบบการประเมินสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วโลก ได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดย World Cetacean Alliance ภายใต้การสนับสนุนจากองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของชุมชนในการเคารพและการปฏิบัติต่อวาฬ โลมา และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในน้ำ อย่างเป็นมิตร

โดยก่อนหน้าการแต่งตั้งอ่าวอัลกัว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีก 4 แห่งทั่วโลกได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลกของวาฬซึ่ง ได้แก่ Hervey Bay ในประเทศออสเตรเลีย, พื้นที่คุ้มครองทางทะเล Tenerife-La Gomera ใน Southwest Tenerife ของประเทศสเปน, Dana Point ในรัฐแคลิฟอเนียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และ the Bluff ใน Durban ประเทศแอฟริกาใต้

การขึ้นทะเบียนอ่าวอัลกัวเป็นมรดกโลกวาฬถือเป็นแบบอย่างของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทะเล แหล่งมรดกทางธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ

ท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ: เฝ้าดูวาฬและโลมาตามธรรมชาติสู่เทรนด์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่

การประกาศสถานะแหล่งมรดกโลกของวาฬช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกสถานที่ชมวาฬและโลมาด้วยความรับผิดชอบได้ง่ายขึ้น โดยนักท่องเที่ยวจะยังได้รับประสบการณ์จากการเฝ้าดูวาฬ โลมา และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในน้ำชนิดต่างๆ ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติอย่างเหมาะสมและไม่เป็นการรบกวน

Nick Stewart ผู้อำนวยการโครงการ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก กล่าวว่า "การขึ้นทะเบียนอ่าวอัลกัวเป็นมรดกโลกวาฬแห่งใหม่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลในประเทศแอฟริกาใต้ มันแสดงให้ผู้คนทั่วไปได้เห็นว่า พวกเขามีทางเลือกในการท่องเที่ยวที่ดีและยั่งยืนกว่าการไปสถานที่ท่องเที่ยวที่ใช้โลมา หรือสัตว์ป่าประเภทอื่นๆในการแสดงโชว์ หรือกิจกรรมสร้างความบันเทิงรูปแบบต่างๆ การขึ้นทะเบียนยังช่วยให้บริษัทนำเที่ยวต่างๆ สามารถเลือกนำเสนอการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ส่งเสริมการดูวาฬและโลมาในธรรมชาติเพื่อเป็นการปกป้องสัตว์ไปพร้อมๆ กัน"

ในขณะที่ Lloyd Edwards ผู้ก่อตั้ง Raggy Charters / โครงการ Baywatch และสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกวาฬ แสดงความคิดเห็นต่อการขึ้นทะเบียนครั้งนี้ว่า "การประกาศครั้งนี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวที่มาอ่าวอัลกัวมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทะเล ปกป้องสัตว์ทะเล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างชุมชนท้องถิ่นและสัตว์ทะเล นอกเหนือจากนั้น นักท่องเที่ยวยังมีโอกาสได้เฝ้าดูสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลากหลายชนิด มีส่วนร่วมกับเทศกาลครึกครื้น และกิจกรรมอื่นๆ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับทะเล เป็นแหล่งเรียนรู้ พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักท่องเที่ยวและสมาชิกชุมชนท้องถิ่นไปในเวลาเดียวกัน"

บ้านหลังใหญ่ที่เป็นมิตรของโลมา
อ่าวอัลกัวตั้งอยู่ในบริเวณท่าเรือเอลิซาเบท ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับการเฝ้าดูวาฬ โลมา และสัตว์ชนิดอื่นที่ซ่อนตัวอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ มีวาฬเซาเทิร์น ไรต์ (Southern right whales), วาฬหลังค่อม (Humpback whales) และโลมาหลังโหนก (Indo-pacific Humpback dolphins) แวะเวียนมาตามฤดูกาล ที่นี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์นกเพนกวินสายพันธุ์แอฟริกาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยให้กับสัตว์อีกหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ โลมาปากขวด (Bottlenose dolphins), โลมาปากขวดธรรมดา (Common dolphins), วาฬบรูด้า (Bryde's whales) และนกแกนเน็ต (Cape gannets)

เอกลักษณ์อันโดดเด่นของอ่าวอัลกัวอีกอย่าง คือจำนวนประชากรโลมาหลังโหนกที่มากถึง 800 ตัว มักโผล่มาให้นักท่องเที่ยวเห็นอยู่เป็นประจำ งานวิจัยตั้งแต่ในช่วง 1990s พบว่า ที่นี่ น่าจะมีโลมาหลังโหนกท้องถิ่นประมาณ 30,000 ตัว

หลักเกณฑ์ในการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกวาฬ
คุณสมบัติในการเข้ารับการประเมินเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกวาฬ สถานที่ท่องเที่ยวคล้ายอ่าวอัลกัวจะต้องผ่านเกณฑ์การพิจารณาถึงระดับความทุ่มเทในการอนุรักษ์วาฬ โลมา และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลชนิดอื่นๆ ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์ป่าอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน

ซึ่งจะครอบคลุมถึง:

  • ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพระหว่างคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลด้วย
  • มองเห็นความสำคัญของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลทุกชนิด
  • ส่งเสริมความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ
  • ส่งเสริมงานวิจัย การเผยแพร่ความรู้ และการสร้างความตระหนักรู้

ในการที่จะผ่านเกณฑ์การคัดเลือกเป็นแหล่งมรดกโลกของวาฬ สถานที่ที่สมัครเข้ามาจะต้องพิจารณาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประชากรสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลทุกชนิด ซึ่งรวมถึงข้อมูลด้านสถานะการอนุรักษ์ จำนวน ความหลากหลาย แหล่งที่อยู่อาศัย พฤติกรรม และสวัสดิภาพสัตว์ ข้อกำหนดทั้งหมดนี้จะช่วยเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สัตว์ทะเล และส่งเสริมแนวทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

อนาคตของการท่องเที่ยว
WHS ถือเป็นสถานที่ที่มีความโดดเด่นด้านการอนุรักษ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล (วาฬ, โลมา และพอร์พอยส์) ได้รับการถ่ายทอดผ่านทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของชุมชนท้องถิ่น สะท้อนให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพระหว่างคนในพื้นที่และสัตว์ทะเล

ในขณะที่การท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว นักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมอ่าวอัลกัวในทางตะวันตกเฉียงใต้จะเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมที่ส่งเสริมการเคารพและการอนุรักษ์วาฬและโลมา ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ร่วมกับสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์เหล่านี้ที่ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระในมหาสมุทรอย่างที่ควรจะเป็น

เครดิตภาพถ่าย : Raggy Charters


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ