TPIPP กระเป๋าตังค์ตุงในไตรมาส 2/64 กวาดรายได้ 2,924 ล้านบาท รับอานิสงส์ปริมาณขายไฟฟ้าและ Utilization Rate เพิ่ม ดันทั้งปีรายได้ 12,000 ล้านบาทตามเป้า

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 17, 2021 11:30 —ThaiPR.net

TPIPP กระเป๋าตังค์ตุงในไตรมาส 2/64 กวาดรายได้ 2,924 ล้านบาท  รับอานิสงส์ปริมาณขายไฟฟ้าและ Utilization Rate เพิ่ม ดันทั้งปีรายได้ 12,000 ล้านบาทตามเป้า

'บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์' หรือ TPIPP ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งรายใหญ่ของไทย โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 มีรายได้จากการขายรวม 2,924 ล้านบาท ทำผลงานดีเยื่ยมต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 1,188 ล้านบาท หนุนผลงานครึ่งปีแรก 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) ทำรายได้จากการขายรวม 5,574 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,249 ล้านบาท รับอานิสงส์ปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,043 ล้านหน่วย ดันอัตราการใช้กำลังผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 65.4% มั่นใจปีนี้ทำรายได้ 12,000 ล้านบาท ตามเป้าหมาย

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 2,924 ล้านบาท ทำผลงานเข้าเป้า ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้ 2,650 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 1,188 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาส 1/64 ที่มีกำไรสุทธิที่ 1,061 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการขายไฟฟ้ารวมทุกโครงการที่เพิ่มขึ้นกว่า 19.81% โดยมีปริมาณขายไฟฟ้าไตรมาส 2/64 ทั้งสิ้น 568 ล้านหน่วย รวมถึงสามารถกลับมาเดินเครื่องกำลังการผลิต (Utilization Rate) ได้เต็มที่หลังจากที่โรงไฟฟ้า TG8 หยุดซ่อมบำรุง ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ Utilization Rate ในไตรมาส 2/64 เพิ่มขึ้นเป็น 71.3%

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก 2564 (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมทั้งสิ้น 5,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 5,329 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,249 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,139 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2564 คาดว่าจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับผลดีจากโครงการการขายเชื้อเพลิงขยะ (RDF) เพื่อทดแทนถ่านหิน โดยปลายไตรมาส 2/64 บริษัทฯ ได้เริ่มทดลองผลิตและขาย RDF เพื่อใช้ผสมกับถ่านหินให้กับ บมจ.ทีพีไอ โพลีน หรือ TPIPL ซึ่งเป็นบริษัทแม่ คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาเพิ่มเฉลี่ย 350-450 ล้านบาทต่อปี โดยจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในไตรมาส 3/64 เป็นต้นไป มั่นใจได้ว่ารายได้ปี 2564 จะทำได้ 12,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน TPIPP กล่าวว่า สำหรับโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต หรือ Prototype City of Advanced Futuristic Industries (PAFI) อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน (ผังเมือง) และอยู่ระหว่างยื่นขอรับสิทธิประโยชน์กับ BOI ซึ่งได้ยื่นไปแล้ว 2 โครงการ และกำลังเตรียมเอกสารสำหรับโครงการที่เหลือ ควบคู่กับการทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment) โดยทางบริษัทฯ จะทำตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอนอย่างแน่นอน

โดยในปัจจุบันหน่วยงานของภาครัฐได้ให้เอกสิทธิ์อำเภอจะนะ ในฐานะเมืองต้นแบบที่ 4 อย่างครบถ้วนแล้ว (1) บีโอไออนุมัติให้อำเภอจะนะจังหวัดสงขลา เป็นเมืองต้นแบบที่ 4 เพื่อรับสิทธิเท่ากับเมืองต้นแบบอื่น ๆ (2) กระทรวงการคลังอนุมัติให้ เมืองต้นแบบทั้ง 4 เมืองเป็นเขตปลอดอากร (3) กระทรวงอุตสาหกรรมอนุมัติให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาติและแก้ไขใบประกอบกิจการโรงงานใน 4 จังหวัด (สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ชายแดนใต้ และ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา (เทพา สะบ้าย้อย นาทวี จะนะ) (4) กระทรวงพาณิชย์ได้ลด/ยกเว้นอัตราค่าธรรมเนียม สำหรับการจดทะเบียน การตรวจเอกสารและอื่น ๆ ใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา (5) กระทรวงมหาดไทยอนุมัติให้ลดค่าธรรมเนียมภาษีที่ดิน การโอนที่ดินหรืออาคารชุด และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั่วประเทศ

"เรายังเดินหน้าผลักดันโครงการเมืองต้นแบบ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา โดยในปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการปรับสีผังเมือง คาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จในปีนี้ อย่างไรก็ตามหนึ่งในโครงการที่อยู่ในอุตสาหกรรมเมืองต้นแบบ คือการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อลงทุนทำโครงการผลิตแบตเตอรี่เพื่อเก็บพลังงานไฟฟ้า (Battery Cell production) และอุตสาหกรรมซิลิคอนแบบครบวงจร (Fully Integrated Silicon Industry) ถือเป็นโอกาสที่จะต่อยอดสู่การเติบโตตามเทรนด์ของโลก ประกอบกับบริษัทพันธมิตรที่ร่วมทุนเป็นถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับโลก" นายภัคพล กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ